เมื่อเดือนกรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติโครงการจ่ายเงินชดเชยรายได้ 15,000 บาท แก่ลูกจ้างของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ซึ่งจะจ่ายให้ ผู้ประกันตนมาตรา 33 จำนวน 5.9 หมื่นคน
เงื่อนไขการจ่ายเงินครั้งนี้คือ ผู้รับเงินต้องเป็น ผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ไม่ได้รับเงินชดเชยกรณีว่างงานจากเหตุสุดวิสัยไวรัสโควิด-19 ในอัตรา 62% ของค่าจ้างรายวัน เนื่องจากจ่ายเงินสมทบกองทุนประกันสังคมไม่ครบ 6 เดือน ภายใน 15 เดือนย้อนหลัง
โดยก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังและสำนักงานประกันสังคมออกมาระบุตรงกันว่า จะเริ่มโอนเงิน 15,000 บาทให้ ประกันสังคมมาตรา 33 ที่ผ่านหลักเกณฑ์ได้ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2563 นี้ แต่ล่าสุดปรากฎว่า การจ่ายเงินดังกล่าวต้องเลื่อนออกไป
“ประกันสังคม” แจงยังไม่ได้รับงบประมาณ
เมื่อวานนี้ (15 ส.ค. 63) สำนักงานประกันสังคม ก็ได้โพสต์ชี้แจงเรื่องดังกล่าวผ่านเพจเฟซบุ๊ก สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน มีเนื้อหาว่า
สำนักงานประกันสังคม ขอเรียนชี้แจงข่าวกรณีเลื่อนจ่ายเงิน 15,000 บาท สำหรับผู้ประกันตนที่ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานอันเนื่องมาจากเหตุสุดวิสัย (เนื่องจากไม่เข้าเงื่อนไขการได้รับสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน)
ด้วยขณะนี้ สำนักงานประกันสังคมอยู่ระหว่างกระบวนการขอรับการจัดสรรเงินงบประมาณ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเมื่อได้รับการจัดสรรและโอนเงินงบประมาณเรียบร้อยแล้ว จะเร่งทำการจ่ายเงินให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว
จ่ายเงินเร็วสุดปลายเดือน ส.ค.
ด้านแหล่งข่าวเปิดเผยกับ The Bangkok Insight ว่า สำนักงานประกันสังคมต้องเลื่อนการจ่ายเงิน 15,000 บาทแก่ ประกันสังคมมาตรา 33 จำนวน 5.9 หมื่นคน ออกไปก่อน เนื่องจากยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากกระทรวงการคลัง แต่ยืนยันว่า ถ้าได้รับโอนงบประมาณจากกระทรวงการคลังแล้ว ก็จะเร่งโอนเงินให้ผู้ประกันตนทันที
ล่าสุดโอนไม่ทันกลางเดือน เพราะยังไม่ได้รับเงินจากกระทรวงการคลัง แต่ถ้าได้รับเงินจากกระทรวงการคลังเมื่อไหร่ ก็จะโอนเงินให้ผู้ประกันตนที่มีสิทธิ์ภายใน 2 สัปดาห์ หรือประมาณปลายเดือนสิงหาคมนี้
“ประกันสังคมมาตรา 33” สมทบเกิน 6 เดือน ยื่นว่างงานเหตุสุดวิสัยได้
สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ได้รับผลกระทบไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องว่างงานชั่วคราวนับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2563 และเป็นผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบครบ 6 เดือนในช่วง 15 เดือนย้อนหลัง จะมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัยโควิด-19 จากกองทุนประกันสังคม โดยสามารถยื่นเรื่องต่อกองทุนประกันสังคมได้ตามปกติ ไม่ต้องรอเงิน 15,000 บาทจากมติ ครม.
เหตุสุดวิสัย หมายความรวมถึง ภัยอันเกิดจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือโรคติดต่ออันตรายอื่นตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อซึ่งมีผลกระทบต่อสาธารณชน และถึงขนาดที่ผู้ประกันตนไม่สามารถทำงานได้ หรือนายจ้างไม่สามารถประกอบกิจการได้ตามปกติ ดังนี้
- ผู้ประกันตนถูกกักตัว
ในกรณีมีเหตุสุดวิสัย และลูกจ้าง ซึ่งเป็น ผู้ประกันตน ที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน ไม่ได้ทำงานหรือนายจ้างไม่ให้ทำงาน เนื่องจากต้องกักตัวหรือเฝ้าระวังการระบาดของโรค
ให้ลูกจ้างดังกล่าวซึ่งไม่ได้รับค่าจ้างมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานในอัตรา 62% ของค่าจ้างรายวัน ตลอดระยะเวลาที่ผู้ประกันตนไม่ได้ทำงานหรือนายจ้างไม่ให้ทำงาน แต่ไม่เกิน 90 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2563 ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2563 หรือตามระยะเวลาที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของ ครม.
- ปิดกิจการชั่วคราว
ในกรณีมีเหตุสุดวิสัยถึงขนาดที่นายจ้างต้องหยุดประกอบกิจการไม่ว่าทั้งหมด หรือแต่บางส่วนเป็นการชั่วคราว และลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตน ไม่สามารถทำงานได้และไม่ได้รับค่าจ้างในระหว่างนั้น ไม่ว่านายจ้างจะหยุดประกอบกิจการเอง หรือหยุดประกอบกิจการตามคำสั่งของทางราชการ ตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ หรือกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ให้ลูกจ้างดังกล่าวซึ่งไม่ได้รับค่าจ้างมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน ในอัตรา 62% ของค่าจ้างรายวัน โดยให้ได้รับตลอดระยะเวลาที่นายจ้างหยุดประกอบกิจการ แต่ไม่เกิน 90 วัน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2563 ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2563 หรือตามระยะเวลาที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของ ครม.
โดยระยะเวลาการยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย ผู้ประกันตนมาตรา 33 /ผู้มีสิทธิ ยื่นคำขอฯ ได้ภายใน 2 ปี นับตั้งแต่วันที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เศร้าแป๊บ! ‘ประกันสังคม’ เลื่อนจ่ายเงิน 15,000 บาท ผู้ประกันตนมาตรา 33
- ประกันสังคมแนะ! ลูกจ้าง ‘ตกงาน-ลาออก’ อย่าลืมสมัครผู้ประกันตน ‘มาตรา 39’
- เปิดแถลงการณ์ ‘นายกฯ’ สั่งคลังเชิญมันสมองชั้นยอดเดินหน้าเศรษฐกิจ!