World News

อนาคตสดใส! 10 บริษัทยารายใหญ่สุดโลก รายได้ส่อพุ่งต่อเนื่อง

ความต้องการการรักษาที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  บริษัทยาทั่วโลก จึงมุ่งมั่นที่จะผลักดันนวัตกรรมที่สำคัญ เพื่อมอบวิธีการรักษาสำหรับผู้ป่วย ที่มีความต้องการทางการแพทย์ ที่ไม่ได้รับการตอบสนอง

เมื่อปี 2562 อุตสาหกรรมยาทั่วโลก เติบโตอย่างรวดเร็ว มีมูลค่าประมาณ 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ แรงหนุนจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น AbbVie’s Skyrizi และ Novartis ’Zolgensma   ทั้งยังเป็นปีที่ องค์การอาหารและยา (เอฟดีเอ) ของสหรัฐ ได้อนุมัติยา และ ชีววิทยาใหม่ 48 รายการ ซึ่งถือเป็นการอนุมัติครั้งใหญ่สุด เป็นอันดับ 3 ในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา

10 บริษัทเวชภัณฑ์ cover 01

เอฟดีเอ หรือ อย. สหรัฐ อนุมัติยาสามัญจำนวนมากถึง 1,171 ชนิด ทำลายสถิติก่อนหน้านี้ ที่ทำไว้ในปี 2561 ที่จำนวน 971 ชนิด ซึ่งการสูญเสียสิทธิบัตรเป็นจำนวนมากของบริษัทเวชภัณฑ์เช่นนี้ ทำให้การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่จึงมีความสำคัญมากขึ้น

การระบาดของโรคโควิด -19 ซึ่งค้นพบครั้งแรกเมื่อปลายปี 2562 ส่งผลกระทบต่อโลก อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน เมื่อมองไปข้างหน้า ชุมชนทั่วโลกต่างพึ่งพาอุตสาหกรรมยา ในการคิดค้นวิธีแก้ปัญหานี้ โดยบริษัทเวชภัณฑ์หลายแห่ง ที่ติดอยู่ใน 10 อันดับแรกของการจัดอันดับนี้ มีส่วนร่วมในการแข่งขัน เพื่อผลิตมาตรการรักษา หรือป้องกันโรคโควิด -19

แม้การระบาดของโควิด-19 จะรุนแรง และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจแทบจะทุกภาคส่วน แต่บริษัทเวชภัณฑ์ ยังอยู่ในกลุ่มธุรกิจไม่กี่ประเภท ที่แทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากการระบาดแต่อย่าง

การจัดอันดับบริษัทเวชภัณฑ์ครั้งนี้ พิจารณาจากรายได้ของแต่ละบริษัทในปี 2562 โดยดูจากผลประกอบการในกลุ่มธุรกิจยาเท่านั้น

10 บริษัทเวชภัณฑ์02 011

10. แอมเจน (Amgen)

บริษัทเวชภัณฑ์ข้ามชาติ ของสหรัฐ “แอมเจน” ที่มีสโลแกนว่า “แนวทางแรกทางชีววิทยา” โดย แอมเจนผลิตยา ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ จำหน่ายใน 100 ประเทศ และภูมิภาคทั่วโลก

ในปี 2562 บริษัทมีรายได้ลดลง 1% ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากยอดขายยา Neulasta และ Sinsipar / Mimpara ลดลง ซึ่งต่างได้รับผลกระทบจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น

ในการรายงานผลประกอบการนั้น โรเบิร์ด เอ. แบรดเวย์ ประธานกรรมการบริหาร และซีอีโอแอมเจน ยืนยันว่า บริษัท กำลังเข้าสู่ช่วงใหม่ของการเติบโต ที่มาจากผลิตภัณฑ์ใหม่

GettyImages 1085894078

9. ซาโนฟี (Sanofi)

ติดอยู่ใน 10 อันดับแรกของโลกมาอย่างยาวนาน สำหรับยักษ์ใหญ่จากฝรั่งเศส อย่างซาโนฟี ซึ่งมีธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพอยู่ใน 170 ประเทศ และดินแดนทั่วโลก

บริษัทข้ามชาติรายนี้ มุ่งเน้นการทำธุรกิจใน 3 ด้านคือ การดูแลสุขภาพเฉพาะทาง วัคซีน และยาสามัญ โดยในปี 2562 ธุรกิจยาของซาโนฟี เติบโตขึ้นราว 4% แรงหนุนหลัก จากการเปิดตัว Dupixent ซึ่งเป็นยารักษาโรคผิวหนังอักเสบ และมีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยซาโนฟี มีแผนที่จะขยายตลาดยาชนิดนี้ ออกไปอีก 89 ประเทศ

เมื่อมองถึงแนวโน้มในอนาคตแล้ว ธุรกิจหลัก “การวิจัยและพัฒนา” (อาร์แอนด์ดี) ของบริษัทอยู่ในสถานะแข็งแกร่ง ที่จะสร้างการเติบโตในระยะยาวได้

นับถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2563 โครงการอาร์แอนด์ดี ของบริษัทมีอยู่ทั้งหมด 83 โครงการด้วยกัน รวมถึง การทดลองยาตัวใหม่ 33 ตัว ซึ่งอยู่ในขั้นตอนของการทดลองระดับคลินิก หรือกำลังรอการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่คุมกฎระเบียบอยู่

GettyImages 1224926671

8.บริสตอล-ไมเยอร์ส สควิบบ์ ( Bristol Meyer Squibb)

ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่เมื่อ 133 ปีที่แล้ว บริสตอล – ไมเยอร์ สควิบบ์ เป็นบริษัทเภสัชกรรมชั้นนำระดับโลก ที่เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาใน 4 โรคสำคัญ คือ มะเร็งวิทยา โลหิตวิทยา ภูมิคุ้มกันวิทยา และโรคหัวใจและหลอดเลือด

เมื่อปีที่แล้ว บริษัทยังเติบโตอย่างแข็งแกร่งโดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยในปี 2562 นั้น บริสตอล-ไมเยอร์ส สควิบบ์ ได้เสร็จสิ้นกระบวนการเข้าซื้อกิจการ “เซลจีน” (Celgene) ทำให้เกิดบริษัทด้านชีวเภสัชภัณฑ์ชั้นนำขึ้นมา

การมีแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ทำให้แนวโน้มระยะยาวของบริษัท อยู่ในสถานะที่แข็งแกร่ง ที่จะบรรลุเป้าหมายการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ และยั่งยืน

GettyImages 1156932622

7. ทาเคดะ (Takeda)

ยักษ์ใหญ่เวชภัณฑ์ข้ามชาติจากญี่ปุ่น “ทาเคดะ” มีสำนักงานใหญ่ อยู่ที่นครโอซากา ถือเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่สุดในเอเชีย

หลังจากที่ควบรวมกิจการกับ ไชร์ (Shire) ในช่วงต้นปี 2562 ทาเคดะ ก็ติดอยู่ในกลุ่ม 10 บริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่สุดของโลก โดยบริษัทเน้นพัฒนายากใน 4 กลุ่ม คือ มะเร็ง โรคหายาก ประสาทวิทยา และระบบทางเดินอาหาร

ปัจจุบัน ทาเคดะ ค่อนข้างมีสถานะที่แข็งแกร่ง มีโอกาสเติบโต ในอุตสาหกรรมชีวเภสัชภัณฑ์โลก จากการที่มีธุรกิจอยู่ทั้งในสหรัฐ ยุโรป และแคนาดา ซึ่งการขับเคลื่อนด้วยงานด้านอาร์แอนด์พี นั้น ทำให้ทาเคดะ สามาารถพัฒนานวัตกรรมใหม่ และสร้างรายได้ จากการรับมือกับเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมถึง ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้บริษัทสามารถเติบโตอย่างมีเสถียรภาพได้

GettyImages 1162606801

6. แอบวี (AbbVie)

แอบวี ก่อตั้งขึ้นในปี 2556 โดยแยกกิจการออกมาจาก แอบบอตต์ มีการจ้างงานผู้เชี่ยวชาญ 47,000 คน ซึ่งแอบวี มีแนวโน้มที่จะผลักดันความพยายามในการวิจัย และพัฒนา ไปสู่โรครักษายาก

บริษัทประสบความสำเร็จ ในการเข้าซื้อกิจการ “อัลเลอร์แกน” (Allergan) ในเดือนพฤษภาคม 2562 ทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่งขึ้น ในด้านการรักษาต่างๆรวมถึงด้าน ภูมิคุ้มกัน มะเร็ง และระบบประสาท

เมื่อปีที่แล้ว บริษัทมีรายได้เพิ่ม 2% ผลจากความสำเร็จทางคลินิก และการทำงานด้านการกุศล

GettyImages 1144878985

5.โนวาร์ตีส (Novartis)

บริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่สุดอันดับ 5 ของโลก “โนวาร์ตีส” มีฐานการดำเนินงานอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ ทำธุรกิจด้านการพัฒนา ผลิต และทำการตลาดยารักษาโรคมานานกว่า 250 ปี

ปัจจุบัน บริษัททำธุรกิจใน 155 ประเทศทั่วโลก มุ่งเน้นด้านการพัฒนายาชนิดใหม่ๆ รวมถึง ยาสามัญ และยาชีววัตถุคล้ายคลึง (biosimilars)

ในปี 2562 ยอดขายสุทธิ ยานวัตกรรมใหม่ของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจถึง 8% แรงหนุนจากแบรนด์ยาหลักของบริษัท อย่าง Cosentyx, Entresto และ Zolgensma ขณะที่หน่วยงานด้านการพัฒนายามะเร็งนั้น ก็มีการเติบโตอย่างมาก มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 10%

เมื่อปีที่แล้ว โนวาร์ตีส ซึ่งต้องการให้บริษัทมุ่งเน้นด้านเวชภัณฑ์มากขึ้น ยังประสบความสำเร็จ ในการแตกกิจการ “อัลคอน” (Alcon) ธุรกิจด้านการดูแลดวงตา

สำหรับในอนาคตนั้น โนวาร์ตีสมีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาบ้าง จากการที่ยา 8 ชนิดของบริษัท จะหมดสิทธิในการได้รับความคุ้มครองในตลาดในปีนี้ แต่บริษัทยังมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จได้อย่างต่อเนื่องในทุกธุรกิจ จากการเดินหน้าปรับปรุงการบริการ และการผลิต ให้กระชับขึ้นอย่างต่อเนื่อง

GettyImages 130234426

4. เมอร์ค (Merk) 

ยักษ์ใหญ่ด้านเวชภัณฑ์จากสหรัฐ “เมอร์ค” เป็น 1 ในบริษัทเวชภัณฑ์ที่ดีที่สุดของโลก เมื่อปี 2562 โดยบริษัทยารายนี้ ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2434 ปัจจุบันมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ ด้านเวชภัณฑ์ วัคซีน และสุขภาพสัตว์

เมอร์ค มีพนักงานอยู่ราว 71,000 คนทั่วโลก มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดี ในฐานะผู้ผลิต ที่ทุ่มเทให้กับการพัฒนายารักษาโรคเบาหวาน และมะเร็ง โดยปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตหลัก รวมถึง ยา Keytruda, Gardasi และ Varivax

ส่วนแนวโน้มในอนาคตนั้น เมอร์คยังเดินหน้าปรับองค์กร ให้รูปแบบธุรกิจมีความกระชับมากขึ้น เพื่อที่จะลงทุนในนวัตกรรมที่ก้าวล้ำ

GettyImages 1041116958

3. จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson & Johnson)

จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ยังคงติดอยู่ในรายชื่อ บริษัทยารายใหญ่สุดของโลก ในปีนี้ โดยบริษัทพัฒนา และผลิตสินค้าประเภทยา อุปกรณ์ทางการแพทย์ และสินค้าเพื่อสุขภาพสำหรับการอุปโภคบริโภค

การที่แบรนด์หลักๆ ของบริษัท อย่าง Strelara, Darzalex และ Imbruvica มีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ทำให้ธุรกิจยาของ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เติบโตถึง 4% เมื่อปีที่แล้ว

สำหรับแนวโน้มในอนาคตนั้น สถานการณ์ของบริษัทยังสดใส เนื่องจากมีแบรนด์ชั้นนำอยู่ในมือจำนวนมาก ทำให้มีโอกาสในการเติบโตระยะยาว และมีผลประกอบการแกร่ง

GettyImages 1170407888

2. ไฟเซอร์ (Pfizer)

อดีตบริษัทยาเบอร์ 1 ของโลก “ไฟเซอร์” ยึดตำแหน่งอันดับ 2 ในปีนี้ โดยไฟเซอร์ มีความเชี่ยวชาญในด้านการพัฒนายา และวัคซีน หลากหลายโรค รวมถึง มะเร็ง หัวใจ และระบบประสาท

บริษัทมีพนักงานมากกว่า 88,000 คน ในมากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ไฟเซอร์ต้องรับมือกับสิทธิบัตรยาราคาแพง ที่หมดอายุลงไปหลายตัว รวมถึง Viagra และ Lyrica ซึ่งทำให้บริษัทคาดว่า เรื่องนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อรายได้ในปีนี้

เมื่อปี 2562 ไฟเซอร์มีรายได้ลดลง 1% สาเหตุหลักจากรายได้ที่ลดลงในอัปจอห์น (Upjohn) ธุรกิจด้านยานอกสิทธิบัตร และธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค เพื่อสุขภาพ

ในปีที่แล้ว ไฟเซอร์ ยังดำเนินการอย่างชัดเจน เพื่อกำหนดสถานะบริษัทให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้แผนการที่จะควบรวมอัปจอห์น กับมายลั่นธ์ ธุรกิจในเครืออีกแห่งหนึ่ง เข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งแต่เดิมนั้น แผนการนี้จะแล้วเสร็จภายในปี 2563 แต่ก็ต้องเลื่อนออกไปก่อน เพราะผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19

GettyImages 84459655

1.โรช (Roche)

โรช แซงหน้าไฟเซอร์ ขึ้นมาเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่สุดของโลกในปีนี้ โดยบริษัท ที่มีสำนักงานใหญ่ อยู่ในเมืองบาเซิล สวิตเซอร์แลนด์ และมีพนักงานมากกว่า 90,000 คนทั่วโลก ถือเป็นผู้นำในด้านการพัฒนายารักษามะเร็ง ภูมิคุ้มกัน โรคติดเชื้อต่างๆ โรคตา และระบบประสาท

เมื่อปี 2562 ธุรกิจยาของโรช มียอดขายเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เพิ่มขึ้นถึง 16% มาอยู่ที่ 53,000 ล้านดอลลาร์ แรงหนุนจากการเปิดตัวยา และผลิตภัณฑ์ใหม่

ยาที่มียอดขายดีที่สุดของโรช รวมถึง Ocrevus, Hemlibra, Tecentriq และ Perjeta ซึ่งเป็นยารักษาโรคเกี่ยวกับระบบประสาท เลือดไม่แข็งตัว และมะเร็ง

ปัจจุบัน โรชอยู่ระหว่างการพัฒนาความสามารถ และสร้างความร่วมมือต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรุกตลาดดูแลสุขภาพส่วนบุคคล และจะยังมุ่งเน้นในเรื่องยาตามใบสั่งแพทย์ต่อไป

GettyImages 78133193

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo