ยอดผู้ติดเชื้อโควิดวันนี้ 14 ส.ค. อยู่ที่ 21,045,633 คน เสียชีวิตเพิ่ม 298,676 คน “หมอธีระ” ย้ำ! การใส่หน้ากากจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ถึง 85%
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat รายงาน ยอดผู้ติดเชื้อโควิดวันนี้ 14 ส.ค. โดยระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิดวันนี้ ทะลุ 21 ล้านแล้ว ณ 14 สิงหาคม 2563 ครับ ติดเพิ่มถึง 298,676 คน ตายเพิ่มอีก 5,764 คน ยอดรวมตอนนี้ 21,045,633 คน คราวนี้เพิ่ม 1 ล้านคน ใช้เวลาเพียง 3.5 วัน อเมริกา… ติดเพิ่ม 55,082 คน รวม 5,407,954 คน…
ผอ.US CDC ออกมาเตือนประชาชนทุกคนให้ใส่หน้ากาก ล้างมือ และอยู่ห่างๆ กัน… หากไม่ทำตอนนี้ อเมริกาจะพบกับสภาพที่ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของการสาธารณสุขของประเทศ
Anthony Fauci ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อที่เป็นที่นับถือระดับโลก ก็ออกมาให้ความเห็นว่า แม้แคลิฟอร์เนีย ฟลอริด้า อริโซน่า และเท็กซัส จะมีจำนวนการตายน้อยลงกว่าเดิม แต่ปรากฏว่ารัฐอื่นๆ มีอัตราการตรวจพบเชื้อมากขึ้นอย่างชัดเจน และเป็นสัญญาณเตือนว่า กำลังจะมีระบาดกลับมารุนแรงอีกในไม่ช้านี้
- บราซิล ติดเพิ่ม 60,091 คน รวม 3,224,876 คน
- อินเดีย ติดเพิ่ม 64,142 คน รวม 2,459,613 คน
- รัสเซีย ติดเพิ่ม 5,057 คน รวม 907,758 คน
- เปรูแซงเม็กซิโก ยอดรวมใกล้ห้าแสน ตามหลังแอฟริกาใต้มาติดๆ ทั้งสามประเทศนี้ติดกันหลายพันต่อวันมาตลอด
- สเปน เยอรมัน ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ อิหร่าน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ล้วนติดกันหลักพันทั้งสิ้น
- หลายประเทศในยุโรป รวมถึง แคนาดา ปากีสถาน และออสเตรเลีย ติดกันหลายร้อย ในขณะที่สิงคโปร์ ขยับจากหลักสิบมาแตะหลักร้อยอีกแล้ว
- เวียดนาม ฮ่องกง มาเลเซีย เกาหลีใต้ จีน และนิวซีแลนด์ ติดเพิ่มกันหลักสิบ
…สิ่งที่ทำให้คนเริ่มกังวลกันมากขึ้นเรื่อยๆ นอกเหนือจากจำนวนการติดเชื้อ จำนวนการตาย ที่มากมายก่ายกองเช่นนี้แล้ว ยังมีเรื่องภาวะหลังการติดเชื้อครับ
อย่างที่เคยบอกไปว่า สมัยมีการระบาดช่วงแรกๆ หมอๆ ต่างดีใจที่ผู้ป่วยโรค COVID-19 ได้รับการดูแลรักษา และออกจากโรงพยาบาลได้ โดยตรวจ RT-PCR ซ้ำแล้วได้ผลลบ คิดว่าหาย…
แต่ความรู้ในปัจจุบัน มีความชัดเจนแล้วว่า ไม่จบแค่นั้น
ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโรค COVID-19 นั้น แม้จะได้รับการดูแลรักษาจนตรวจได้ผลลบแล้ว ยังมีจำนวนกว่า 30% ที่จะมีอาการหลงเหลืออยู่กับตัวไปเรื่อยๆ นานหลายสัปดาห์จนเป็นเดือนๆ ไม่ว่าจะเป็นอาการอ่อนเพลีย ปวดเมื่อย สมองตื้องุนงง เหนื่อยเปลี้ย ไม่มีแรงทำงานตามปกติ แม้แต่อาการไอ หรืออาจยังมีปัญหาการดมกลิ่นและรับรส เป็นต้น
ภาวะนี้เรียกว่า “Long COVID” หรือ “Chronic COVID” หรือ “COVID Long Haulers” หรือ “Chronic fatique syndrome” หรือ “Myalgic encephalomyelitis”
ล่าสุด ก็เริ่มมีเสียงเรียกร้องให้เกิดการสร้างระบบติดตามและเฝ้าระวังภาวะนี้ในกลุ่มผู้ป่วยที่ติดเชื้อ COVID-19 แล้วด้วย เพราะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และส่งผลกระทบอย่างมากต่อการใช้ชีวิตทั้งส่วนตัว ครอบครัว และการทำงาน…คิดคร่าวๆ ตอนนี้อาจมีคนที่ต้องทนทุกข์กับภาวะนี้หลายล้านคนทั่วโลก
ดังนั้นคงจะดีที่สุด หากเราป้องกันตัว และป้องกันสมาชิกในครอบครัว ไม่ให้ติดเชื้อไวรัสนี้
ความเสี่ยงในเมืองไทยมีมากขึ้นดังที่เราทุกคนทราบดี การใส่หน้ากากจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ถึง 85% การอยู่ห่างคนอื่นอย่างน้อยหนึ่งเมตรจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโดยเฉลี่ยได้ถึง 80% หากทำร่วมกับการล้างมือบ่อยๆ พูดน้อยๆ พบคนน้อยลงสั้นลง เลี่ยงที่แออัดที่ชุมนุมที่อโคจร ก็จะทำให้เรามีโอกาสไปรับเชื้อติดเชื้อได้น้อยลงมาก
ถ้าทำกันอย่างพร้อมเพรียง สม่ำเสมอ ไทยเราก็จะไม่ระบาดซ้ำ เปรียบเหมือนวัคซีนป้องกันที่เราแต่ละคนสามารถทำได้เอง
หมั่นสังเกตอาการตนเองและครอบครัว หากมีอาการไม่สบาย ควรหยุดงาน หยุดเรียน แล้วไปตรวจนะครับ
ประเทศไทยต้องทำได้
ด้วยรักต่อทุกคน
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อ้างอิง
Alwan NA. A negative COVID-19 test does not mean recovery. Nature. 11 August 2020
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เปิดแถลงการณ์ ‘นายกฯ’ สั่งคลังเชิญมันสมองชั้นยอดเดินหน้าเศรษฐกิจ!
- เช็คเลย! แบ่งงาน ครม. ใหม่ ‘สุพัฒนพงษ์’ ผงาดคุม ‘คลัง-พลังงาน-อีอีซี’
- ครม. ไฟเขียวขยาย ‘พื้นที่กรุงรัตนโกสินทร์’ เพิ่มกว่า 3,300 ไร่ เล็งใช้งบกว่า 2.2 หมื่นล้าน