Business

MINT ขาดทุนหนักพุ่ง 8,400 ล้านไตรมาส 2 เซ่นพิษโควิด ชี้ ‘ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว’

MINT ขาดทุนหนัก ไตรมาส 2 ผลประกอบการ ติดลบ 8,400 ล้านบาท รวมครึ่งปีแรก ขาดทุน 9,700 ล้านบาท ผลจากโควิด-19 ล็อกดาวน์ มั่นใจผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

นายดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (“MINT”) เปิดเผยว่า การระบาดของโรค โควิด-19 ส่งผลกระทบมากที่สุด ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 เมื่อหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศไทย ได้ออกมาตรการการปิดประเทศอย่างเข้มงวด โดย MINT ขาดทุนหนัก 8,400 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2563 เทียบกับกำไรสุทธิจำนวน 1,800 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2562

MINT ขาดทุนหนัก

ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินงาน บนพื้นฐานการรายงานเดียวกันกับปีที่แล้ว บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงาน ซึ่งไม่นับรวมผลกระทบ จากการบังคับใช้มาตรฐานการบัญชี TFRS16 จำนวน 6,900 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2563 เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิจากการดำเนินงานที่เป็นบวกจำนวน 2,100 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2562

ผลการขาดทุนดังกล่าว เนื่องจากปิดโรงแรม ร้านอาหาร และร้านค้าไลฟ์สไตล์ส่วนใหญ่ทั่วโลก เป็นการชั่วคราว ในเดือนเมษายนและพฤษภาคม จากโควิด-19 และมาตรการล็อกดาวน์ โดยผลขาดทุนจากการดำเนินงาน ซึ่งนับรวมผลกระทบ จากการบังคับใช้มาตรฐานการบัญชี TFRS16 จำนวน 2,800 ล้านบาทในเดือนเมษายน เป็น 2,400 ล้านบาทในเดือนพฤษภาคม และ 2,000 ล้านบาทในเดือนมิถุนายนฃ

สำหรับช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 MINT มีผลขาดทุนจากการดำเนินงาน ก่อนผลกระทบจากการบังคับใช้มาตรฐานการบัญชี TFRS16 จำนวน 9,700 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิจำนวน 2,700 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2562

อย่างไรก็ตาม พบว่า รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน ของกลุ่มโรงแรม ที่บริษัทเป็นเจ้าของเอง และเช่าบริหารลดลงร้อยละ 99 และปรับตัวดีขึ้นเป็นลดลงร้อยละ 89 ในเดือนมิถุนายน เนื่องจากโรงแรมเริ่มกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง ประกอบกับการดำเนินมาตรการการ ควบคุมค่าใช้จ่าย อย่างรวดเร็วและเข้มงวด ทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า 50% ในไตรมาส 2 ปี 2563 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2562

ขณะที่ในไตรมาส 3 ปี 2563 MINT มุ่งมั่นที่จะเร่งการกลับมาเปิดให้บริการธุรกิจในเครืออีกครั้ง เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ปรับตัวดีขึ้น และประเทศต่าง ๆ เริ่มผ่อนคลายมาตรการการปิดประเทศลง

ด้านแผนกลยุทธ์ของ MINT และการดำเนินการบริหารจัดการสภาพคล่อง และฐานะทางการเงิน ในเวลาที่เหมาะสม เป็นบทพิสูจน์ของแผนการที่มีประสิทธิภาพของ MINT ในช่วงเวลาที่ท้าทาย โดยในไตรมาส 2 ปี 2563 MINT ยังคงให้ความสำคัญ กับการรักษากระแสเงินสด และสภาพคล่อง ด้วยการดำเนินมาตรการการลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และการควบคุมค่าใช้จ่ายในการลงทุน

นายดิลลิป ราชากาเรีย
ดิลลิป ราชากาเรีย

ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม MINT มีเงินสดในมือประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท และวงเงินสินเชื่อจำนวน 2.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งรวมกันแล้ว จะเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจในอนาคต

นอกจากนี้ ความสำเร็จในการออกหุ้นกู้ที่มีลักษณะคล้ายทุนจำนวน 300 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาส 2 ปี 2563 ช่วยให้ฐานส่วนของผู้ถือหุ้นของ MINT แข็งแกร่งขึ้น แม้ว่าบริษัทจะมีผลขาดทุนสุทธิ จากการดำเนินงานในช่วงไตรมาสดังกล่าว ส่งผลให้ อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เพิ่มขึ้นจาก 1.61 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2563 เป็น 1.64 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2563

ขณะเดียวกัน เมื่อช่วงต้นไตรมาส 3 ปี 2563 MINT ได้เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวนเกือบ 1 หมื่นล้านบาท รวมถึงได้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ซึ่งบริษัทคาดว่า จะมีจำนวนผู้ใช้สิทธิในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มอีกจำนวน 5,000 ล้านบาทในช่วง 3 ปีข้างหน้า

ดังนั้น MINT จึงคาดว่า แผนการระดมทุนแบบเบ็ดเสร็จดังกล่าว จะเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ของฐานส่วนของผู้ถือหุ้น ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยง จากสภาวะตลาดที่ท้าทายต่อไปในอนาคต”นายดิลลิป กล่าว

ปัจจุบัน MINT กลับมาดำเนินธุรกิจทั่วโลก หลังมาตรการผ่อนคลายในประเทศต่างๆ โดยกลับมาเปิดให้บริการโรงแรมแล้วกว่า 70% ของโรงแรมทั้งหมดทั่วโลก และมากกว่า 90% ของร้านอาหารทั้งหมด พร้อมทั้งมีเป้าหมายจะกลับมาเปิดให้บริการโรงแรม และร้านอาหาร ทั้งหมดภายในไตรมาส 4 ปี 2563 และจะผลักดันยอดขายเชิงรุก

นายดิลลิป กล่าวว่า กลยุทธ์เฉพาะหน้าของ ไมเนอร์ โฮเทลส์ คือ การมุ่งเน้นไปที่การท่องเที่ยวภายในประเทศ ที่แข็งแกร่งในช่วงที่มีการปิดพรมแดนระหว่างประเทศ ตามด้วยการเพิ่มจำนวนแขกเข้าพัก จากนักท่องเที่ยวภายในภูมิภาค เมื่อประเทศต่าง ๆ เริ่มเปิดประเทศ และขยายตัวไปยังนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ปรับตัวดีขึ้น

ในขณะที่ ไมเนอร์ ฟู้ดจะยังคงใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มดิจิทัล และแพลตฟอร์มบริการจัดส่งอาหาร เพื่อผลักดันยอดขาย โดยต่อยอดจากแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น ของยอดขายผ่านทางแพลตฟอร์มดังกล่าว ในช่วงการปิดประเทศ จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมทั้งการเปิดตัว “Cloud Kitchens” ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่สำคัญของ ไมเนอร์ ฟู้ด

“บริษัทเชื่อว่าเราได้ผ่านช่วงที่เลวร้ายที่สุดมาแล้ว และเมื่อสถาการณ์ของโลกดีขึ้น MINT มีความมุ่งมั่นที่จะกลับมาสร้างการเติบโตของธุรกิจ และกลับมาสร้างผลตอบแทนเชิงบวกให้กับผู้ถือหุ้นอีกครั้ง อีกทั้ง บริษัทขอขอบคุณผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและพนักงานทุกคนที่ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่มาโดยตลอดในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้”นายดิลลิป กล่าวฃ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo