COLUMNISTS

การเมืองกันยาบอกลาความอึมครึมได้จริงหรือ

Avatar photo
0
 thumbnail IMG 20180904 102124
เริ่มต้นเดือนกันยายนด้วยความร้อนแรงทางการเมือง ที่ทวีความเข้มข้นมากขึ้น เห็นได้จากหนึ่งพรรคการเมือง หนึ่งกลุ่มการเมืองพร้อมใจกันยื่นคำร้องต่อ กกต.ขอให้สอบซื้อเสียงล่วงหน้าที่โคราช โดยชี้เป้าไปที่พรรคภูมิใจไทยว่า ให้สมาชิกพรรคเก็บบัตรประชาชนในพื้นที่ โดยมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง เข้าข่ายการซื้อเสียงล่วงหน้า ซึ่งทั้งพรรคเพื่อไทยและ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน ที่คาดว่าจะลงสมัครในนามพรรคพลังประชารัฐ ต่างก็ร้องในประเด็นเดียวกัน แต่อาจมีรายละเอียดที่แตกต่างกันไปบ้าง สะท้อนชัดว่าปี่กลองทางการเมืองเริ่มโหมโรงกันแล้ว
งานหนักจึงเป็นของ กกต.เพราะเป็นผู้คุมกติกาดูแลการเลือกตั้งให้สุจริต เที่ยงธรรม ซึ่งต้องเริ่มสอดส่องกันตั้งแต่ตอนนี้ ไม่ใช่มาเริ่มขยับหลังประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้ง
 ขณะที่ความเคลื่อนไหวดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ก็จะเริ่มคลายล็อกในเดือนนี้เช่นเดียวกัน หลังจากที่ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว.และการเลือกตั้ง สส. ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในกลางเดือนนี้ จากนั้นก็ถึงเวลานับถอยหลัง 8 เดือน สู่โหมดเลือกตั้งที่จะมีขึ้นเร็วสุด 24 ก.พ.62 ช้าสุด 5 พ.ค.62 หากไม่มีปัจจัยแทรกซ้อนใด ๆ ที่คาดไม่ถึงพัดผ่านเข้ามาอีก
การคลายล็อกพรรคการเมืองให้ดำเนินกิจกรรมที่จำเป็น เช่น การจัดประชุมใหญ่ แก้ข้อบังคับพรรค เลือกผู้บริหารพรรค รับสมัครสมาชิกใหม่ ฯลฯ จะทำให้เราได้เห็นภาพการย้ายพรรคของอดีตสส.ที่ชัดเจนขึ้น เพราะ ได้ฤกษ์ตัดสินใจหลังเห็นผู้บริหารของแต่ละพรรค โดยเฉพาะอนาคตของพรรคเพื่อไทย ที่ยังไร้หัวในขณะนี้ จะรักษาอดีตสส.ไว้กับตัวได้มากน้อยแค่ไหน ย่อมขึ้นอยู่กับขุนพลที่จะมานำทัพสู้ศึกเลือกตั้งด้วย  ขณะนี้ยังไม่รู้ว่าจะออกหัวที่คนในตระกูลชินวัตร หรือไปออกก้อยที่คนนอกตระกูล
 ขณะที่พลังประชารัฐ ก็คงถึงเวลาเปิดหน้าผู้บริหารตัวจริง นำไปสู่การก่อตั้งพรรคอย่างเป็นทางการ หลังลงทะเบียนจดจัดตั้งพรรคกับกกต.ไปตั้งแต่วันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา โดยแจ้งขออนุญาต คสช.จัดประชุมวิสามัญใหญ่ของพรรคกลางเดือนกันยายนนี้ ซึ่งคาดกันว่าจะเปิดตัวยิ่งใหญ่มีอดีตสส.ตบเท้าเข้าร่วมกันแบบ บิ๊กเซอร์ไพรส์ตามสไตล์ สมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร ที่ออกมากรุยทางล่วงหน้าได้ฉายหนังตัวอย่างเอาไว้ ท่ามกลางกระแสข่าวว่าอาจจะมีรัฐมนตรีในรัฐบาล คสช.ลาออกไปดำรงตำแหน่ง หัวหน้าและเลขาพรรค หรืออาจจะรับตำแหน่งผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐ โดยไม่ลาออกจากความเป็นรัฐมนตรี
 แต่ไม่ว่าจะออกในรูปแบบไหน หากมีคนในรัฐบาลเปิดหน้าเข้าร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ย่อมเป็นสัญญาณบ่งชี้ชัดเจนถึงอนาคตการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ด้วยเช่นเดียวกัน เพราะทางเลือกหนึ่งที่ถูกจับตาคือ อาจจะอยู่ในบัญชีรายชื่อนายกของพลังประชารัฐ หรือจะขออยู่วงนอกแบบคนวงในรอเป็นนายกรัฐมนตรีก๊อกสองจากคนนอก
 แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะต้องใช้เสียงจากสส.และสว.มากถึง 500 เสียง ซึ่งเจ้าตัวเองก็คงคิดหนัก เพราะเริ่มเปลี่ยนท่าทีจากเดิมเคยระบุว่าจะประกาศท่าทีการเมืองชัดเจนในเดือนกันยายนนี้ มาเป็นจะจับตาความเคลื่อนไหวของแต่ละพรรคการเมืองก่อนที่จะตัดสินใจทางการเมืองอีกครั้ง
ในขณะที่การเมืองจะเริ่มกลับมาขับเคลื่อนอีกครั้งแม้จะยังไม่เต็มรูปแบบ แต่ก็ทำให้ทั้งฝ่ายความมั่นคงและนักวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจต้องจับตาอย่างใกล้ชิดด้วยเช่นเดียวกัน เนื่องจากเรื่องการเมืองแยกไม่ออกกับบ้านเมืองจึงมีผลกระทบโดยตรงทั้งกับความมั่นคงและเศรษฐกิจของประเทศ ถ้าทิศทางเลือกตั้งชัดเจนหมด ความอึมครึมที่ชวนปวดหัว ตลาดหุ้นไทยก็คงขานรับในทิศทางบวก เช่นเดียวกับที่การเมืองนิ่งไม่มีการใช้เกมใต้ดิน ปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรง บ้านเมืองก็จะสงบเรียบร้อย เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการกลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยอย่างราบรื่น
แต่ไม่ว่าภาพการเมืองเดือนกันยายน จะออกมาเป็นอย่างไร สุดท้ายแล้วคนที่จะตัดสินอนาคตประเทศก็คือประชาชน