Business

ยึด ‘ใบขับขี่ตลอดชีพ’ กฎหมายไม่มีช่อง คนไม่เห็นด้วย ลงท้ายปัดเป็น Fake News

“ใบขับขี่ตลอดชีพ” กลายเป็นประเด็นร้อนที่ได้รับความสนใจจากสังคมอีกครั้ง เมื่อเกิดกระแสข่าวว่า กรมการขนส่งทางบก (ขบ.)อาจเรียกคืนใบขับขี่ประเภทนี้

จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ “จิรุตม์ วิศาลจิตร” อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ได้ตอบคำถามเรื่องอุบัติเหตุที่จังหวัดชลบุรี โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ขับขี่ในกรณีดังกล่าวมีอายุมากถึง 96 ปี ซึ่งอาจทำให้ความพร้อมและสมรรถภาพในการขับขี่เปลี่ยนไป เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้

ใบขับขี่ตลอดชีพ

จากเหตุผลดังกล่าว กรมการขนส่งฯ จึงมีไอเดียจะผุด “โครงการ Recall” ให้ผู้ถือ ใบขับขี่ตลอดชีพ กลับมาแสดงตัวและทดสอบสมรรถภาพอีกครั้ง เริ่มจากผู้ที่มีอายุ 70 ขึ้นไปที่มีความเสี่ยงก่อน โดยเป็นการทดสอบลักษณะ Fit to drive ที่มีแพทย์เข้าร่วม เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ

ถ้าผู้ขับขี่รายใดยังมีสมรรถภาพดี ก็จะให้ใช้ใบขับขี่ประเภทนี้ต่อไปได้ แต่ถ้าหากรายใดมีความเปลี่ยนแปลงและไม่สามารถขับรถได้แล้ว เสี่ยงจะเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ก็อาจจะพิจารณายกเลิกใบขับขี่ตลอดชีพไป

ทั้งนี้ ยอมรับว่ามาตรการดังกล่าวอาจจะกระทบสิทธิ์ของผู้ใช้รถที่ถือใบอนุญาตขับขี่ตลอดชีพบ้าง แต่เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้รถส่วนรวม

จิรุตม์ วิศาลจิตร ใบขับขี่ตลอดชีพ
จิรุตม์ วิศาลจิตร

ด้านนางจันทิรา บุรุษพัฒน์ รองอธิบดีกรมการขนส่งฯ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า โครงการเรียกผู้ที่มี ใบขับขี่ตลอดชีพ มาแสดงตัวอีกครั้ง มีเป้าหมายหลักเพื่อให้ผู้ถือใบขับขี่ตลอดชีพแบบกระดาษ มาเป็นบัตรแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มี QR Code เพื่ออัพเดตฐานข้อมูล เพราะผู้ที่ถือใบขับขี่แบบกระดาษไม่ได้อยู่ในระบบและไม่จำเป็นต้องติดต่อกับกรมฯ เลย ยกเว้นกรณีใบขับขี่หายหรือชำรุดเท่านั้น

ดังนั้น กรมฯ จึงต้องการยกเลิกใบขับขี่แบบกระดาษ แล้วเปลี่ยนมาเป็นบัตรแบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด เพื่อปรับปรุงฐานข้อมูลให้สามารถตรวจสอบได้ โดยจะยกเว้นค่าธรรมเนียมการเปลี่ยนบัตร 100 บาทให้ด้วย

แต่นางจันทิราก็ยอมรับว่า มีแนวคิดให้ผู้ถือใบขับขี่ตลอดชีพที่มีอายุมากมาทดสอบสมรรถภาพใหม่ด้วย แต่เรื่องนี้ยังเป็นเพียงการศึกษา โดยต้องหารือกับฝ่ายกฎหมายและฝ่ายการแพทย์ก่อน เพราะเรื่องนี้เสี่ยงกระทบสิทธิ์ของประชาชนและมีความละเอียดอ่อน กลายเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นได้

สอบใบขับขี่3

ยึดคืน “ใบขับขี่ตลอดชีพ” ดราม่าเดือด!

แล้วก็เป็นจริงดังคาด เพราะหลังจากกระแสข่าวดังกล่าวแพร่ออกไป ก็มีกระแสตีกลับเข้ามาที่กรมการขนส่งทางบกแบบรัวๆ

ผู้ไม่เห็นด้วยจำนวนมองว่า อุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจากสาเหตุอื่น เช่น เมาสุราหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่ใช่เพราะคนขับมีอายุมาก ขณะเดียวกันก็อดคิดไม่ได้ว่า รัฐบาลพยายามหาวิธีรีดเงินเข้ากระเป๋าอยู่หรือเปล่า?

สำหรับใบขับขี่แบบตลอดชีพนั้น กรมการขนส่งฯ ยกเลิกการออกใหม่ไปตั้งแต่ปี 2546 หรือเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ดังนั้น ผู้ที่ถือใบขับขี่ประเภทนี้จึงมีแต่ “รุ่นใหญ่ไฟกระพริบ”

ทั้งนี้ ข้อมูลระบุว่า ในปี 2560 ทั่วประเทศมีผู้ใบขับขี่ตลอดชีพประมาณ 12 ล้านใบ แบ่งเป็นใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลตลอดชีพ 6.1 ล้านใบ, รถจักรยานยนต์ 5.9 ล้านใบ และรถยนต์สามล้อ 4 พันกว่าใบ

“ใบขับขี่ตลอดชีพ มันหนักหัวใคร

เห็นข่าวว่ากรมขนส่งจะให้คนที่ถือใบอนุญาตขับขี่ชนิดตลอดชีพ​ มาทดสอบใหม่

ต้องถามว่า​ กรมขนส่งไม่มีงานทำหรือไง​ มาเพิ่มงาน​ งานที่ทำอยู่เอาให้มันเข้มงวดมากขึ้นไม่ดีกว่าหรือ​ งานตรวจสภาพรถ​ รถปุโรทั่ง​ รถบรรทุกทำส่วนต่อขยายเกินน้ำหนัก​ รถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ยังวิ่งกันเต็มบ้านเต็มเมือง​

หรือกรมตั้งใจจะเปลี่ยนกรมจัดหารายได้​

คนที่ถือใบขับขี่ตลอดชีพไม่ได้ทำอะไรผิดนะ​ ที่บอกว่าคนแก่ขับรถเกิดอุบัติเหตุบ่อย​ เอาตัวเลขสถิติมาดู คนขับรถที่เกิดอุบัติบ่อยคือรถจักรยานยนต์​ รถบรรทุก​ คนขับรถเร็ว​ ขับขี่หลังการดื่มสุรา

คิดผิดคิดใหม่ได้นะ” นันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความส่งเสียงคัดค้านผ่านเฟซบุ๊ก

สอบใบขับขี่
ขอบคุณภาพจากกรมการขนส่งทางบก

“อัยการ” ออกความเห็นเรื่องนี้ทำไม่ได้

ดร.ธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นเรื่อง ใบขับขี่ตลอดชีพ ว่า การเรียกผู้สูงอายุมาสอบใบขับขี่อีกครั้งไม่สามารถดำเนินการได้เพราะ 2 สาเหตุ

1.พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 46 มาตรา 47 และมาตรา 49 ไม่ได้กำหนดให้การที่สภาพร่างกายเสื่อมลงด้วยเหตุสูงอายุ เป็นเหตุให้ถือว่าขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามสำหรับการมีใบอนุญาตขับรถ

โดย พ.ร.บ.รถยนต์ บัญญัติถึงกรณีสภาพร่างกายที่ทำให้ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้าม ในการมีใบอนุญาตขับรถประเภทต่างๆ ไว้ เช่น มีร่างกายพิการจนเห็นว่าไม่สามารถขับรถได้ มีโรคประจำตัวที่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเห็นว่าอาจเป็นอันตรายขณะขับรถ เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน เป็นผู้มีโรคติดต่อน่ารังเกียจตามที่กำหนดในกฎกระทรวง แต่ไม่รวมถึงกรณีสภาพร่างกายเสื่อมลงด้วยเหตุสูงอายุด้วย

2.การจะใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.รถยนต์ มาตรา 53 วรรคสอง เพื่อเรียกผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถมาตรวจสอบคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้าม ต้องมีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดไว้สำหรับผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถประเภทนั้น ๆ

ดังนั้น จึงต้องปรากฏเหตุที่ทำให้เชื่อได้ว่า ผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถรายใดขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามที่กฎหมายบัญญัติเสียก่อน แล้วจึงจะเรียกบุคคลนั้น ๆ เป็นรายบุคคลมาตรวจสอบได้ ไม่ใช่จะสามารถเรียกทุก ๆคนมาสุ่มตรวจแบบเหมาเข่งทั้งหมดได้

…การที่สภาพร่างกายเสื่อมลงด้วยเหตุสูงอายุ ไม่ถือเป็นการขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามที่จะมีใบอนุญาตขับรถตาม พ.ร.บ. รถยนต์ ดังนั้น จะมาใช้เหตุสภาพร่างกายเสื่อมลงด้วยเหตุสูงอายุ เพื่อเรียกบุคคลใดมาตรวจคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายด้วยการทดสอบสมรรถภาพการขับรถ เพื่อพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตขับรถยนต์ของบุคคลนั้นไม่ได้ และยังเป็นการสร้างผลกระทบและภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชนจำนวนมากอีกด้วย…

ใบขับขี่ตลอดชีพ

กลับลำ 360 องศาฯ-กลายเป็น Fake News

เมื่อเสียงคัดค้านดังลั่น “กรมการขนส่งทางบก” เจ้าของเรื่องจึงต้องดริฟท์รถ กลับตัวแบบ 360 องศาฯ

ร่อนหนังสือแจงว่า กรมการขนส่งทางบก ยืนยัน!! ไม่ยึดคืนใบขับขี่ตลอดชีพ ไม่เรียกผู้มีใบอนุญาตขับรถตลอดชีพทั้งหมดมาทดสอบสมรรถนะใหม่ หรือทดสอบขับรถใหม่ตามข้อมูลที่มีการแชร์กันในขณะนี้อย่างแน่นอน “แต่จะศึกษาถึงแนวทางการคัดกรองผู้ที่ขาดสมรรถนะหรือมีสภาวะโรคที่แพทย์วินิจฉัยแล้วเห็นว่ามีความเสี่ยงหรือมีผลต่อประสิทธิภาพการขับขี่อย่างปลอดภัย”

ด้าน ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย ของรัฐบาลก็ออกมาตอกย้ำว่า เรื่องนี้คือ “Fake News”

เป็นอันจบเรื่องนี้แบบ 360 องศาฯ ประหนึ่งไม่เคยเกิดเรื่องนี้มาก่อน

แต่ถึงจะดึงเรื่องจบได้ ก็ไม่รู้ว่าใบขับขี่ตลอดชีพจะพ่นพิษมากน้อยแค่ไหนกับเก้าอี้ “ปลัดกระทรวงคมนาคม” ที่กำลังจะว่าง เพราะชื่อ “จิรุตม์ วิศาลจิตร” เจ้ากรมการขนส่งทางบกก็มีชื่อเป็นหนึ่งในแคนดิเดต

แต่ดันมามีข่าว “Fake News” ในช่วงเวลาสำคัญเสียนี่ …

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo