“กระทรวงพาณิชย์” เผยเงินเฟ้อเดือนกรกฎาคมหดตัว 0.98% ขณะที่ 7 เดือน (ม.ค.- ก.ค.) ลดลง 1.11% คาดทั้งปียังติดลบที่ 1.5-0.7%
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปหรืออัตราเงินเฟ้อเดือนกรกฎาคม 2563 เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน ลดลง 0.98% ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากการหดตัว 1.57% ในเดือนก่อน
สำหรับเหตุสำคัญมาจาก ราคาพลังงานที่เริ่มทรงตัว อาหารสดกลับมาขยายตัวอีกครั้งในรอบ 3 เดือน ตามความต้องการอาหาร ทั้งการเปิดภาคเรียนใหม่ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่กลับมาดาเนินการได้ตามปกติ การจัดโปรโมชั่นด้านราคาสินค้าและบริการของผู้ประกอบการเริ่มลดน้อยลงและอีกหลายปัจจัย ส่งผลทำให้เงินเฟ้อทั่วไป 7 เดือน (ม.ค.- ก.ค.) 2563 ลดลง 1.11% เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม สัญณาณเงินเฟ้อในช่วงหลังจากนี้ คาดว่า จะมีแนวโน้มกลับมาดีขึ้นจากหลายปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้กำลังซื้อของประชาชนกลับมา แม้ว่าจะไม่คึกคัก เพราะมีความกังวลจากปัญหาการระบาดโควิด-19 แม้ไทยจะยังไม่มีการติดเชื้อโควิดในประเทศ แต่เป็นปัจจัยกังวลสำคัญต่อบรรยากาศด้านการท่องเที่ยวแบบระมัดระวังพอสมควร
“มีสัญณาณที่ดีที่มองว่าเศรษฐกิจโดยรวมเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้นแบบเล็ก ๆ ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อไม่ติดลบมากแม้จะอยู่ในช่วงอัตราเงินฝืด แต่เป็นการฝืดทางเทคนิค เพราะราคาสินค้าโดยรวมไม่ได้ปรับลดราคาลงแม้แต่รายการเดียว ราคาสินค้าส่วนใหญ่แม้จะไม่ลดลงแต่ก็ไม่ได้มีราคาสูงขึ้นมากจนสร้างภาระให้กับผู้บริโภคมากจนเกินไป” น.ส.พิมพ์ชนก กล่าว
ทั้งนี้ สนค.มองว่า จากปัจจัยลบด้านโควิดที่ยังเป็นตัวฉุดความกังวลต่อการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนและกระทบต่อการท่องเที่ยวโดยรวม คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยต่อเดือนหลังจากนี้จะคงอยู่ในแดนลบ แต่จะหดตัวลงไม่มาก ดังนั้น จึงคาดว่าเงินเฟ้อปีนี้จะติดลบ 1.5 – 0.7% โดยมีปัจจัย คือ จีดีพีของประเทศติดลบ 7.6 – 8.6% อัตราแลกเปลี่ยน 30.5 – 32.5 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ราคาน้ำมันอยู่ที่ 35 – 45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เป็นต้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เงินเฟ้อเดือนมิ.ย.ติดลบ 1.57% คาดทั้งปีติดลบ 1.1%
- เปิดเหตุผล ประเทศไทยเสี่ยงสูงเข้าสู่ภาวะเงินฝืด หลังเงินเฟ้อติดลบรุนแรง
- ‘แบงก์ชาติ’ ยันเงินเฟ้อเดือนพ.ค.ติดลบต่ำสุดกว่า 10 ปียังไม่เข้าข่ายเงินฝืด!
