COVID-19

ไม่ไหว! เวอร์จิน ออสเตรเลีย เล็งปิดกิจการ ‘ไทเกอร์แอร์’ เลิกจ้าง 3,000 คน

“เวอร์จิน ออสเตรเลีย” สายการบินที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ประกาศปิดกิจการ หน่วยงานในเครือ “ไทเกอร์แอร์ ออสเตรเลีย” สายการบินราคาประหยัด พร้อมปลดพนักงาน 3,000 ตำแหน่ง ในช่วงเวลาที่บริษัทกำลังเตรียมตัว ที่จะกลับมาให้บริการอีกครั้ง ภายใต้เจ้าของใหม่

เวอร์จิน ออสเตรเลีย สายการบินรายใหญ่อันดับ 2 ของออสเตรเลีย เปิดแผนปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ หลังจากที่เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัทประกาศล้มละลาย หลังจากไม่ได้รับเงินกู้จากรัฐบาล ท่ามกลางภาระหนี้จำนวนมหาศาล ในช่วงเวลาที่การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการเดินทางทั่วโลก

เวอร์จิน ออสเตรเลีย

แผนการฟื้นกิจการของ เวอร์จิน ออสเตรเลีย ที่มี เบน แคปิตัล เป็นเจ้าของใหม่ รวมถึง การปลดพนักงานราว 1 ใน 3 ของบริษัท หรือประมาณ 3,000 คน โดยจะเหลือพนักงานไว้ราว 6,000 คน

นอกจากนี้ ยังจะยุบธุรกิจ “ไทเกอร์แอร์ ออสเตรเลีย” แต่บริษัทยังจะเก็บใบอนุญาตทำการบิน ของสายการบินราคาประหยัดในเครือรายนี้เอาไว้ ในกรณีที่อาจจะฟื้นกิจการขึ้นมาอีกครั้ง ในช่วงเวลาที่ตลาดเดินทางท่องเที่ยวในประเทศฟื้นตัวอย่างเต็มที่

บริษัทยังจะหยุดให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศระยะไกล พร้อมปลดระวางเครื่องบินจำนวนหนึ่ง เพื่อให้สอดคล้องกับกระแสคาดการณ์ที่ว่า ออสเตรเลีย จะยังปิดพรมแดนไปจนถึงปี 2564

“มีแนวโน้มว่า จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปี กว่าที่ ความต้องการเดินทางในประเทศ และระหว่างประเทศในเส้นทางใกล้ๆ จะฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีความเป็นไปได้เช่นกันว่า อาจต้องใช้เวลานานกว่านั้น” นายพอล สคูร์ราห์ ซีอีโอเวอร์จิน ออสเตรเลีย แถลง

“ในฐานะธุรกิจ เราต้องดำเนินการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้มั่นใจว่าเวอร์จิน ออสเตรเลีย กรุ๊ป จะประสบความสำเร็จในโลกใหม่”

ทั้งนี้ เบน แคปิตัล บริษัทการลงทุนส่วนบุคคลรายใหญ่ของสหรัฐ ประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการเวอร์จิน ออสเตรเลีย เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งข้อตกลงนี้ ยังต้องรอการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่คุมกฎระเบียบ และมีกำหนดที่จะปิดข้อตกลงได้ภายในเดือนสิงหาคมนี้

การเคลื่อนไหวข้างต้นของเวอร์จิน ออสเตรเลีย เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมการบินโลก กำลังเผชิญกับวิกฤติครั้งใหญ่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยที่สายการบินรายใหญ่ของโลกจำนวนหนึ่ง ต้องเร่งหาความช่วยเหลือทางการเงินหลายพันล้านดอลลาร์ ในความพยายามที่จะรอดพ้นจากภาวะล้มละลาย และมีอีกจำนวนไม่น้อย ที่ต้องออกจากธุรกิจไป

อย่างไรก็ดีเวอร์จิน ออสเตรเลีย ต้องดิ้นรนแข่งขันกับคู่แข่งที่มีขนาดใหญ่กว่า อย่าง แควนตัส มานานหลายปี ตั้งแต่ก่อนที่จะเกิดการระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19 ซึ่งถ้าหากเวอร์จิน ต้องปิดกิจการลง ก็จะทำให้แควนตัส ผูกขาดการบินในออสเตรเลียแต่เพียงเดียว

นายสคูร์ราห์ ซีอีโอเวอร์จิน ออสเตรเลีย คาดการณ์ด้วยว่า ต่อให้การเดินทางทางอากาศ ฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดการระบาดใหญ่ สายการบินต่างๆ ก็จะมีความสำเร็จที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับวิธีการที่พวกเขาทำมาก่อนหน้านี้ ทั้งยังต้องการเงินทุนสนับสนุนในระยะยาว และการมีต้นทุนการดำเนินงานที่ลดลง

เวอร์จิน ออสเตรเลีย

ย้อนเส้นทาง เวอร์จิน ออสเตรเลีย 

สายการบินเวอร์จิน ออสเตรเลีย ซึ่งเป็น สายการบินใหญ่อันดับ 2 ของออสเตรเลีย ประกาศล้มละลาย เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลังจากที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้สายการบินหารายได้ไม่ได้

นายสคูร์ราห์ ซีอีโอสายการบิน กล่าวในขณะนั้นว่า การตัดสินใจครั้งนี้ เพื่อที่จะต่อชีวิตของสายการบินต่อไป

การตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการล้มละลายนั้น ยังทำให้สายการบินรายนี้ กลายเป็นสายการบินแห่งแรก ของเอเชีย แปซิฟิก ที่ประกาศล้มละลายจากวิกฤติโควิด-19  และเกิดขึ้นหลังจากที่สายการบิน ไม่ได้รับอนุมัติเงินกู้ มูลค่าประมาน 888 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 28,000 ล้านบาท จากรัฐบาลออสเตรเลีย ทำให้ดำเนินธุรกิจต่อไปไม่ได้  โดยสายการบิน มีหนี้สินระยะยาวอยู่ประมาณ  3,170 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 100,000 ล้านบาท

ในขณะที่เวอร์จิน ประกาศล้มละลายนั้น ผู้ถือหุ้นใหญ่ของสายการบิน คือ รัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สิงคโปร์แอร์ไลน์ เอชเอ็นเอ กรุ๊ป และ ริชาร์ด แบรนสัน โดยสายการบินมีพนักงานรวมกันกว่า 10,000 คน และยังรวมไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องอีกประมาณ 6,000 คน

ปัจจุบันสายการบินมีเครื่องบินถึง 130 ลำ ซึ่งในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา สายการบินมีกำไรเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น

ทั้งนี้ เวอร์จิน ออสเตรเลีย ครองส่วนแบ่งตลาดในประเทศ คิดเป็นสัดส่วนราว  31% ของรายได้เที่ยวบินทั้งหมดในออสเตรเลีย ขณะที่คู่แข่งที่มีขนาดใหญ่กว่า อย่าง แควนตัส มีส่วนแบ่งตลาดที่ 58% ที่เหลือเป็นของสายการบินขนาดเล็กในประเทศ

นอกจากนี้ สายการบินใหญ่อันดับ 2 ของออสเตรเลีย รายนี้ ยังมีเที่ยวบินระหว่างประเทศ ตามเมืองสำคัญๆ เช่น ลอสแอนเจลิส บาหลี ฟิจิ และโตเกียว

ในขณะนั้น นักวิเคราะห์คาดว่าหลังจากเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูแล้ว สายการบินจะกลับมาดำเนินธุรกิจเน้นเที่ยวบินในประเทศออสเตรเลียเป็นหลัก

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo