ยอดผู้ติดเชื้อโควิดวันนี้ 4 ส.ค. ยังพุ่งต่อเนื่อง “หมอธีระ” เตือนเจ้าของธุรกิจที่ใช้แรงงานต่างด้าว ควรพาไปตรวจคัดกรองตามมาตรฐาน กักตัว 14 วัน เตือนหากติดเชื้ออาจกระทบใหญ่หลวง
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat รายงาน ยอดผู้ติดเชื้อโควิดวันนี้ โดยระบุว่า สถานการณ์ทั่วโลก 4 สิงหาคม 2563 เมื่อวานนี้ติดเพิ่ม 186,908 คน ตัวเลขยังไม่ได้รายงานจากหลายประเทศ ยอดรวม 18,389,592 คน
- อเมริกา ติดเพิ่ม 45,230 คน รวม 4,855,562 คน
- บราซิล ติดเพิ่ม 2,621 คน รวม 2,736,298 คน
- อินเดีย ติดเพิ่ม 50,629 คน รวม 1,855,331 คน
- รัสเซีย ติดเพิ่ม 5,394 คน รวม 856,264 คน
- สเปน อิหร่าน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ติดกันหลักพันถึงหลายพัน ญี่ปุ่นก็เช่นกัน
- อีกหลายประเทศในยุโรปติดกันหลายร้อย เช่น สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ รวมถึงปากีสถาน ออสเตรเลีย และสิงคโปร์
- จีน เกาหลีใต้ ฮ่องกง และเวียดนามตอนนี้หลักสิบ
…หลายประเทศต้องย้อนกลับมาล็อคดาวน์กันอีกครั้ง เป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับประเทศตัวเอง แต่พอเกิดระบาดซ้ำ ก็ไม่มีทางเลือก…
ข่าวประจำวันที่สำคัญคือ องค์การอนามัยโลก บอกว่า ตอนนี้มีวัคซีนที่กำลังทดลองเพื่อดูผลในการป้องกันโรค หรือ เราเรียกว่าทดลองในคนระยะที่ 3 นั้น มีอยู่ 5 โครงการที่ดำเนินการอยู่ แต่มีแนวโน้มที่จะต้องเผื่อใจไว้บ้างว่า อาจไม่ได้กระสุนวิเศษที่จะมาจัดการโรคโควิดได้ เพราะระดับภูมิคุ้มกันที่สร้างได้นั้นอาจอยู่ได้นานไม่กี่เดือน หรือประสิทธิภาพอาจไม่สูงมากนัก
อย่างไรก็ตาม ยังฟันธงไม่ได้ จนกว่าจะทำการวิจัยให้ถึงที่สุด
การได้ฟังข่าวดังกล่าว ไม่ได้แปลว่าหมดหวัง แต่หากประสิทธิภาพไม่สูง ก็จำเป็นต้องฉีดในประชากรจำนวนมากขึ้นเพื่อหวังภูมิคุ้มกันหมู่ในการควบคุมโรค หวังใจว่าหากได้วัคซีนประสิทธิภาพไม่ต่ำจนเกินไป ก็ยังพอมีประโยชน์
สงคราม COVID-19 นี้เป็นการสู้รบที่มีความไม่แน่นอนสูงมาก เพราะคนไม่มีอาวุธสู้ นอกจาก “พฤตินิสัยและอุปกรณ์ป้องกัน”
หากไม่นับเรื่องปัญหาอุปกรณ์ป้องกันไม่เพียงพอแล้ว หลายประเทศโดนโรคกระหน่ำรุนแรงจนย่ำแย่ เพราะไม่สามารถสร้างความตระหนักรู้ และรณรงค์ให้ประชาชนเกิดพฤตินิสัยในการป้องกันตัวได้
…โรคนี้เกิดจากการติดต่อกันของคน… หากเจอคนเยอะ นาน และใกล้ชิด …โอกาสติดก็มากขึ้นตามลำดับ
พฤตินิสัยที่จะช่วยพวกเราทุกคนได้มากมีคำสำคัญแค่ 3 คำเท่านั้นคือ
หนึ่ง “น้อย” คือ การพบปะคนให้น้อยลง ไม่ไปอยู่ในที่แออัด ที่ชุมนุม หรือที่อโคจร
สอง “สั้น” คือ การพบเจอกับคนอื่นโดยใช้เวลาสั้นลง
สาม “ไกล” คือ การที่เจอกันแล้ว อยู่ไกลๆ กันอย่างน้อยหนึ่งเมตร
ทั้งนี้ หากทำให้เป็นนิสัยประจำวัน พร้อมกับสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอย่างหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย และล้างมือบ่อยๆ แล้ว ก็จะช่วยให้เรามีโอกาสติดโรค COVID-19 น้อยลงอย่างมาก
สำหรับสถานการณ์ในเมืองไทยตอนนี้ ถ้าเราตามข่าว คงต้องยอมรับว่า ความเสี่ยงมีมากขึ้นจากการเดินทางเข้ามาในประเทศของทั้งคนไทยและคนต่างชาติจากประเทศต่างๆ ตามที่รัฐได้ประกาศปลดล็อคระยะที่ 5 และ 6 ออกไป
นอกจากต้องให้กำลังใจ เอาใจช่วยให้ระบบคัดกรอง กักตัว และติดตาม เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว เราคงต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา สังเกตความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นในสังคมและแจ้งเตือนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับการใช้ชีวิตอย่างมีสติอยู่เสมอ
เจ้าของธุรกิจห้างร้านที่ใช้แรงงานต่างด้าว ควรใช้แรงงานที่ถูกกฎหมาย พาพวกเค้าไปตรวจคัดกรองตามมาตรฐาน และกักตัวเฝ้าสังเกตอาการให้ครบ 14 วัน ขอโปรดอย่าลัดเลาะ เพราะหากเกิดปัญหาติดเชื้อขึ้นมาแล้ว อาจกระทบใหญ่หลวง และทำให้กิจการของท่านต้องปิดในระยะยาว
ประเทศไทยต้องทำได้
ด้วยรักต่อทุกคน
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ไทยเจอติดเชื้อโควิดวันนี้ 3 ส.ค. เพิ่ม 3 คน ยอดสะสมถึง 3,320 คน
- ยอดโควิดวันที่ 3 ส.ค. ทั่วโลกติดเชื้อ 18.2 ล้าน ‘ฟิลิปปินส์’ ชาติที่ 2 อาเซียน ยอดทะลุ 1 แสนคน
- ยอดผู้ติดเชื้อวันนี้ พุ่งเร็วขึ้น 9 เท่า ยอดตายทั่วโลกเฉียด 7 แสนคน!!