Finance

โบรกใหญ่ฟันธง!! หุ้นไทยเดือน ก.ย. ขาขึ้น

setup4

จากการสำรวจคำแนะนำการลงทุนของโบรกเกอร์ 5 ราย ประกอบด้วย บล.ฟินันเซียไซรัส, บล.กรุงศรี, บล.เอเซียพลัส, บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง, บล.ทรีนีตี้ พบว่า มีการประเมินว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยน่าจะปรับตัวขึ้นและยืนเหนือระดับ 1,700 จุดได้ต่อเนื่อง และมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปสูงสุด 1,770 จุด เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนหลายประเด็นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะความชัดเจนทางการเมือง ปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่ง  แต่ระหว่างทางอาจต้องพบกับอุปสรรคประเด็นสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ อาจทำให้เป็นปัจจัยกดดันให้ดัชนีหุ้นไทยผันผวนแรง

หากย้อนข้อมูลการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยในรอบ 10 ปีย้อนหลัง พบว่า ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นมากกว่าปรับตัวลดลง  ดังนี้ ในปี 2560 ดัชนีปิดที่ระดบ 1,673.16 จุดเพิ่มขึ้น 3.53% ในปี 2559 ดัชนีปิดที่ 1,483.21จุด ลดลง 4.21% ปี 2558 ดัชนีปิดที่ 1,349.00 จุด ลดลง 2.42% ปี 2557 ดัชนีปิดที่ 1,585.67 จุด เพิ่มขึ้น 1.54%

ปี 2556 ดัชนีปิดที่ 1,383.16จุด เพิ่มขึ้น 6.87% ปี 2555 ดัชนีปิดที่ 1,298.79 จุด เพิ่มขึ้น 5.81% ปี 2554 ดัชนีปิดที่ 916.21จุด ลดลง 14.38% ปี 2553 ดัชนีปิดที่ 975.30 จุด เพิ่มขึ้น 6.80% ปี 2552 ดัชนีปิดที่ 717.07 จุด เพิ่มขึ้น 9.77% ปี 2551 ดัชนีปิดที่ 596.54 จุด ลดลง 12.84%

สำหรับโบรกเกอร์ที่ประเมินว่าเดือนกันยายน 2561 ดัชนีหุ้นไทยน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น และมีปัจจัยสนับสนุน รวมถึงปัจจัยที่ต้องติดตามประกอบด้วย

บล.ฟินันเซียไซรัส  มุมมองตลาดหุ้นเดือนกันยายน 2561 คาดว่า ดัชนีในเดือนนี้จะขยับขึ้นได้ด้วยพื้นฐานในประเทศที่แข็งแกร่งทั้งเศรษฐกิจโดยเฉพาะการจับจ่าย การเลือกตั้งที่ชัดขึ้น การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและ EEC เดินหน้า อัตราดอกเบี้ยที่เข้าสู่วัฏจักรขาขึ้น ส่วนความเสี่ยงจากต่างประเทศไม่ได้หายไปไหนแต่รับรู้ไปในราคาบ้างแล้ว ทั้งสงครามการค้า การอ่อนค่าของค่าเงินในตลาด EM และโอกาสที่เงินบาทจะกลับมาแข็งค่าเพราะการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ปลายเดือน กลยุทธ์การเลือกหุ้นในเดือนนี้ยังคงเน้นหุ้นในประเทศที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัว ได้แก่ ASK , CHG , CPALL ), PRM , CK

ดัชนีหุ้นเดือน ก.ย. ย้อนหลัง 10 ปี

บล.กรุงศรี ประเมินว่า แนวโน้มเดือนกันยายน 2561 คาดว่าดัชนีปรับตัวขึ้นต่อ เนื่องจากตอบรับการเมืองในประเทศชัดเจนคาดพรบ.ส.ส.และส.ว.ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 13 กันยายน 2561 และเริ่มมีผลบังคับใช้ 14 กันยายน 2561 แต่มองการเพิ่มขึ้นในกรอบจำกัด เนื่องจากยังถูกกดดันจากปัญหา Trade war และ ปัญหาเศรษฐกิจของอาร์เจนติน่าและตุรกี โดยให้กรอบดัชนีเดือนนี้ที่ 1,680-1,750 จุด ส่วนหุ้นเด่นที่แนะนำให้ลงทุน (Top pick ) คือ AEONTS, DCC, MINT, STEC และ TKN

บล.เอเซียพลัส ระบุว่า สถิติย้อนหลังที่ดัชนีหุ้นไทย มักจะผันผวนมากให้ผลตอบแทนระหว่าง –14.4% ถึง +9.77% และมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 0.5% ขณะที่แนวโน้ม Fund Flow เดือนกันยายนย้อนหลัง 10 ปี บ่งชี้ว่าต่างชาติมักซื้อหุ้นไทยเฉลี่ยเล็กน้อย 5.20 พันล้านบาท และซื้อสุทธิ 7 ใน 10 ปี แต่ปีนี้เชื่อว่าแรงซื้อน่าจะเป็นไปในลักษณะซื้อสลับขาย เพราะตลาดต้องเผชิญสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ รวมถึงการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ตามแผนกดดันตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงไทย

บล.ทรีนีตี้ เชื่อว่าสำหรับภาพการลงทุนในเดือนกันยายน ประเมินว่าดัชนีจะปรับตัวแกว่งตัว ถึงแกว่งตัวในขาขึ้น โดยมองกรอบแนวรับที่ 1,700 จุดและ 1,670 จุดตามลำดับ ส่วนกรอบแนวต้านประเมินที่ 1,740 จุดและ 1,770 จุด  แนะนำลงซื้อ-ขึ้นขายตามกรอบแนวรับ-แนวต้าน โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตามดังนี้ปัจจัยผลักดัน คือ การทบทวนดัชนีรอบใหม่ของ MSCI ผ่านไปคาดแรงกดดันจากการปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติจะเริ่มลดลง

ขณะที่การจัดงาน Thailand Focus อาจนำมาสู่บรรยากาศการลงทุนที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ ทั้งนี้จากการศึกษาของเรานับตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา พบว่าในช่วงเวลา 1 เดือนหลังจากงานดังกล่าวสิ้นสุดลง ดัชนีมักปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ยราว 3% และนักลงทุนต่างชาติมักซื้อสุทธิหุ้นไทยเฉลี่ยราว 1 หมื่นล้านบาท

ส่วนการออกมาตรการเก็บภาษี 15% บนรายได้ดอกเบี้ยของกองทุนตราสารหนี้ อาจนำมาสู่การไหลเข้าของเม็ดเงินในตลาดหุ้นบางส่วน มองกลุ่มหุ้นที่จะได้ประโยชน์สำคัญได้แก่กลุ่มหุ้น Income stock ซึ่งเป็นกลุ่มหุ้นที่จ่ายผลตอบแทนเงินปันผลในระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ และมีความผันผวนของราคาในระดับต่ำ ทั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน / กองทุนอสังหาริมทรัพย์ และรีท รวมไปถึงหุ้นสามัญอื่นๆ

ทั้งนี้ มุมมองของนักลงทุนต่างชาติที่ยังคงมองว่าไทยเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยโดยเปรียบเทียบจากเสถียรภาพทางการเงินที่แข็งแกร่ง ด้วยเหตุนี้เมื่อเกิดเหตุการณ์ความผันผวนใดๆในต่างประเทศ นักลงทุนกลุ่มนี้ก็พร้อมที่จะนำเงินมาพักในตลาดทุนไทยเช่นกัน

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight