General

ด่วน! นายกฯ สั่งอายัดศพ ‘จารุชาติ มาดทอง’ พยานคดีอยู่วิทยา ผ่าพิสูจน์ใหม่

ด่วน! นายกฯ สั่งอายัดศพ “จารุชาติ มาดทอง” พยานปากสำคัญพลิกคดี “บอส อยู่วิทยา” ไปผ่าพิสูจน์ใหม่ 

จากกรณีที่นาย จารุชาติ มาดทอง หนึ่งในพยานปากสำคัญที่พลิกคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา (บอส) ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์อย่างกะทันหันเมื่อคืนวันที่ 30 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่นั้น

นายกฯ จารุชาติ มาดทอง

สำนักข่าวอิศรารายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับทราบข้อเสนอจากหลายฝ่าย เช่น นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย และนายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่ออกมาเรียกร้องให้มีการตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงของนายจารุชาติ มาดทอง เนื่องจากเห็นว่าการเสียชีวิตของนายจารุชาติ เป็นการเสียชีวิตที่ผิดธรรมชาติและสังคมยังมีความเคลือบแคลงสงสัยเป็นอย่างมาก

ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จึงได้สั่งการเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ไปดำเนินการอายัดศพของนายจารุชาติ เพื่อนำกลับมาชันสูตรพลิกศพสืบหาการเสียชีวิตเป็นทางการตามข้อเสนอจากหลายฝ่ายแล้ว

นายเกษม เชื้อเมืองพาน ผู้ใหญ่บ้าน วังชมภู หมู่ 15 ตำบลม่วงคำ อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ที่นายจารุชาติ มาดทอง เป็นลูกบ้านอยู่ กล่าวว่า วันนี้ (2 สิงหาคม 2563) เป็นวันฌาปนกิจศพของนายจารุชาติ

โดยช่วงเช้าวันนี้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 5 มาติดต่อขออายัดศพนายจารุชาติ ไปทำการผ่าพิสูจน์ใหม่จริง แต่ยังไม่สามารถตกลงกันได้และอยู่ระหว่างการเจรจา เนื่องจากทางญาติยังไม่ยินยอม เพราะมีค่าใช้จ่ายการจัดงานเผาศพจำนวนมาก

จารุชาติ มาดทอง

รายงานข่าวจากสถานีตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า การเสียชีวิตของนายจารุชาติ เป็นคดีอุบัติเหตุจราจรที่เกิดขึ้นในวันที่ 30 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา

โดยหลักฐานจากกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุพบว่า นาย จารุชาติ มาดทอง ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ตามหลักคู่กรณี บนถนนห้วยแก้ว ขาเข้าเมือง จนกระทั่งถึงบริเวณสามแยกฟ้าธานี นายจารุชาติได้พยายามขับแซง แต่ไม่พ้น เกี่ยวกับรถจักรยานยนต์ของคู่กรณี

รถจักรยานยนต์ของนายจารุชาติแฉลบไปเกาะกลางถนนและนายจารุชาติหัวฟาดได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่คู่กรณีก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน โดยเจ้าหน้าที่นำตัวส่งโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ แต่นายจารุชาติเสียเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ทั้งนี้ นายจารุชาติ มาดทอง และ พลอากาศโทจักรกฤช ถนอมกุลบุตร เป็นพยานปากสำคัญในคดีที่ นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ที่ขับรถชนดาบตำรวจเสียชีวิต เมื่อปี 2555

อัยการเปิด 7 ข้อสั่งไม่ฟ้อง 'บอส'

สำหรับคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทเจ้าของธุรกิจกระทิงแดง ซึ่งขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555 นั้น อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้ถือถึงแก่ความตาย โดยตำรวจแห่งชาติไม่แย้งคำสั่งดังกล่าวของพนักงานอัยการ จึงเป็นอันสิ้นสุดคดีและเตรียมถอนหมายจับนั้น

ประเด็นดังกล่าวทำให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์ระบบยุติธรรมของประเทศไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการทำงานของตำรวจและ อัยการ ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา น.ส.ณัฐวสา ฉัตรไพฑูรย์ อัยการพิเศษ ฝ่ายสถาบันกฎหมายอาญา ได้ให้ความเห็นด้านข้อกฎหมายเกี่ยวกับเกณฑ์การพิจารณาของพนักงานอัยการในคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา จำนวน 7 ประเด็น

หนึ่งใน 7 เหตุผล ที่อัยการหยิบยกมาคือเรื่องการขึ้นเป็นพยานของนาย จารุชาติ มาดทอง และ พลอากาศโทจักรกฤช ถนอมกุลบุตร ที่มีเนื้อหาดังนี้

“3.ส่วนประจักษ์พยาน 2 คนซึ่งมาให้การในชั้นสอบสวนเพิ่มเติม โดยคณะกรรมาธิการของ สนช. ร้องขอให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมนั้น นอกจากมีการสอบถามข้อเท็จจริงโดยคณะกรรมาธิการ สนช. อันเป็นการกลั่นกรองมาในระดับหนึ่งและมีการสอบสวนโดยพนักงานสอบสวน ซึ่งพยานทั้ง 2 คนมีตัวตนและที่อยู่เป็นหลักแหล่ง คนหนึ่งมียศพลอากาศโท ที่สำคัญคือพยานทั้ง 2 คนย่อมต้องรับผิดชอบตามกฎหมายอันมีโทษทางอาญา หากให้การเท็จต่อพนักงานสอบสวน

ดังนั้นเมื่อคดีไม่มีพยานบุคคลอื่นใดที่รู้เห็นเหตุการณ์ในขณะเกิดเหตุมาให้การเป็นอย่างอื่นและไม่มีพยานหลักฐานที่กล่าวอ้างหรือโต้แย้งว่า พยานทั้ง 2 คนดังกล่าวให้การเท็จ จึงย่อมไม่มีเหตุผลที่พนักงานอัยการจะอนุมานเอาเองได้ว่าพยานทั้ง 2 คนดังกล่าวให้การเท็จ หากแต่พนักงานอัยการก็ย่อมต้องรับฟังเป็นพยานหลักฐานประกอบกันกับพยานหลักฐานอื่น ๆ ในสำนวนคดี

และเมื่อพยานทั้ง 2 คนดังกล่าวต่างให้การว่าตนขับรถตามหลังรถยนต์ที่ผู้ต้องหาขับในช่วงเกิดเหตุในความเร็วระดับเดียวกัน ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและเห็นรถจักรยานยนต์ของผู้ตายขับตัดจากเลนที่หนึ่งจากซ้ายมือมาตัดหน้ารถยนต์ของผู้ต้องหาในเลนที่สามจากซ้ายมือในระยะกระชั้นชิด โดยไม่มีพยานหลักฐานในสำนวนหักล้างหรือโต้แย้งเป็นอย่างอื่น อีกทั้งยังสอดคล้องกับจุดชนที่อยู่เลนที่สามจากซ้ายมือและสอดคล้องกับคำให้การยืนยันของผู้เชี่ยวชาญทั้ง 2 รายดังกล่าว

คดีจึงไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟ้องพิสูจน์ให้ศาลลงโทษผู้ต้องหาฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนผู้อื่นถึงแก่ความตายตามข้อกล่าวหาได้ การสั่งไม่ฟ้องเพราะเหตุพยานหลักฐานไม่พอฟ้อง จึงชอบด้วยเหตุผลและเกณฑ์การสั่งคดีอาญาแล้ว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo