World News

‘หัวเว่ย’ ผงาดขึ้นนำซัมซุงในรอบ 9 ปี จากยอดจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลก

ยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลก ในไตรมาส 2 ของปี 2020 เผยผลปรากฏว่า “หัวเว่ย”แซงหน้า”ซัมซุง”  นับเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี ที่บริษัทมือถือค่ายอื่นนอกจากซัมซุง หรือแอปเปิล ได้ครองตำแหน่งผู้นำตลาด

รายงานล่าสุดจากคานาลิส (Canalys) นักวิเคราะห์ตลาดเทคโนโลยีระดับโลก ระบุว่าหัวเว่ย จัดส่งอุปกรณ์รวม 55.8 ล้านเครื่อง ในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน ลดลง   5% เมื่อเทียบเป็นรายปี รองลงมาคือ ซัมซุง ซึ่งจัดส่งออกไป 53.7 ล้านเครื่อง

แม้ยอดส่งออกต่างประเทศจะลดลงถึง27% แต่หัวเหวย ยังครองตลาดในประเทศในไตรมาส 2 โดยยอดจัดส่งของจีนเพิ่มขึ้น 8% และตอนนี้สมาร์ทโฟนกว่า 70% ของหัวเหวยวางจำหน่ายในจีนแผ่นดินใหญ่

จีนเป็นประเทศที่ฟื้นตัวได้แข็งแกร่งที่สุด จากการระบาดของโรคโควิด-19 จากการที่โรงงานหลายแห่ง กลับมาดำเนินการผลิตใหม่ การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และการควบคุมการระบาดระลอกใหม่อย่างเข้มงวด

หัวเหว่ย

“หัวเว่ยได้รับประโยชน์ จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนอย่างเต็มที่ และจุดไฟให้ธุรกิจสมาร์ทโฟนของตนให้ลุกโชนอีกครั้ง ในขณะที่ซัมซุงมีส่วนแบ่งทางการตลาดน้อยมากในประเทศจีน อยู่ที่น้อยกว่า 1%  และตลาดเจ้าหลักของซัมซุงอย่างบราซิล อินเดีย สหรัฐ และยุโรป ก็ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดอย่างรุนแรง จนต้องปิดเมือง” เบน แชนตัน นักวิเคราะห์อาวุโสของคานาลิส กล่าว

อย่างไรก็ตาม ยังคงเป็นเรื่องยากสำหรับหัวเว่ยที่จะรักษาความเป็นผู้นำของตลาดสมาร์ทโฟนในระยะยาว เนื่องจากพันธมิตรรายใหญ่ในภูมิภาคสำคัญๆ เช่น ยุโรป หันมาใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ยน้อยลง และรับแบรนด์ใหม่เข้ามาเพื่อลดความเสี่ยง

ก่อนหน้านี้ ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ (Samsung Electronics) ยักษ์ใหญ่แวดวงเทคโนโลยีจากเกาหลีใต้ เปิดเผยการเติบโตของผลกำไร จากการดำเนินงานในไตรมาสแรกขแงปี 2020

ผลกำไรจากการดำเนินงานรวมในไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.) ขยายตัว 3.43% จากปีก่อนหน้า อยู่ที่ 6.45 ล้านล้านวอน (ประมาณ 1.71 แสนล้านบาท)

รายได้ของซัมซุง เพิ่มขึ้น 5.61% อยู่ที่ 55.33 ล้านล้านวอน (ประมาณ 1.47 ล้านล้านบาท) ขณะที่กำไรสุทธิลดลง 3.15% อยู่ที่ 4.88 ล้านล้านวอน (ประมาณ 1.29 แสนล้านบาท)

ผลกำไรจากการดำเนินงานและรายได้ของซัมซุง ยังสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาดราว 6 ล้านล้านวอน (ประมาณ 1.59 แสนล้านบาท) และ 54.7 ล้านล้านวอน (ประมาณ 1.45 ล้านล้านบาท) ตามลำดับด้วย

ที่มา: สำนักข่าวซินหัว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight