COVID-19

เกาหลีใต้จับ ‘ผู้นำลัทธิชินจอนจิ’ ข้อหาขัดขวางควบคุมโรคระบาด

เกาหลีใต้จับ “ลี มัน ฮี” ผู้นำลัทธิชินจอนจิ กล่าวหาขัดขวางความพยายามของรัฐบาล ในการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  ต้องสงสัยให้เอกสารข้อมูลปลอมของสมาชิก และยักยอกเงินกว่า 5,000 ล้านวอน 

สำนักข่าวยอนฮับ ของเกาหลีใต้ รายงานว่า นายลี มัน ฮี วัย 89 ปี ผู้ก่อตั้งลัทธิโบสถ์แห่งเยซู ชินจอนจิ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในระยะแรกของเกาหลีใต้ ถูกตำรวจเข้าจับกุมในช่วงเช้าวันนี้ (1 ส.ค.) ในข้อหา ขัดขวางความพยายามของรัฐบาล ที่จะควบคุมการแพร่กระจายของโรคระบาด

20200728503423

การจับกุมดังกล่าวเกิดขึ้น หลังศาลในเมืองซูวอน ทางตอนใต้ของกรุงโซล ได้ออกหมายจับนายลี และยังเกิดขึ้น หลังเขาถูกตั้งข้อสงสัยว่า ให้เอกสารปลอมแก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เกี่ยวกับจำนวนผู้ที่เข้าร่วมในการชุมนุมของทางลัทธิ รวมถึง สถานที่จัดการชุมนุม เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่การรวมตัวกันของลัทธิกลายเป็นแหล่งแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในระยะแรกของเกาหลีใต้

นายลี ยังถูกกล่าวหาว่า ยักยอกเงินของโบสถ์จำนวน 5,600 ล้านวอน หรือประมาณ 146 ล้านบาท และจัดการชุมนุมทางศาสนาโดยไม่ได้รับอนุญาตระหว่างปี 2558-2562

ผู้พิพากษาลี มยอง ชุล ของเกาหลีใต้ ระบุว่า แม้จะยังมีข้อกังขาอยู่บ้าง เกี่ยวกับข้อกล่าวหาของผู้ต้องสงสัย แต่ข้อกล่าวหาบางข้อก็สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีบางสถานการณ์ ที่บ่งชี้ว่า มีความพยายามอย่างเป็นระบบที่จะทำลายพยานหลักฐาน และเมื่อพิจารณาจากสถานะของผู้ต้องหาแล้ว ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า จะมีความพยายามทำนองเดียวกันนี้ เกิดขึ้นอีกในอนาคต

ผู้พิพากษารายนี้ บอกด้วยว่า แม้นายลีจะอายุมาก และมีประวัติการป่วยเรื้อรัง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เขาจะต้องโทษจำคุกไม่ได้

ทั้งนี้ อัยการได้สอบปากคำนายลี 2 ครั้งด้วยกัน เมื่อวันที่ 17 และ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา และเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (28 ก.ค.) ได้ยื่นเรื่องขอออกหมายจับเขา ซึ่งศาลได้เปิดไต่สวนเพื่อพิจารณาคำร้องดังกล่าวเมื่อวานนี้ (31 ก.ค.)

ในวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา ยังมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง ที่สำนักงานใหญ่ของลัทธิชินจอนจิ 7 คน ถูกตัดสินว่ามีความผิดในหลายข้อหา รวมถึง การทำผิดกฎหมายควบคุมโรคติดต่อ และขัดขวางกระบวนการยุติธรรม โดย 3 คนในจำนวนนี้ถูกจับกุมมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม

ทางด้านชินจอนจิ ได้ออกแถลงการณ์ในวันเดียวกันนี้ ระบุว่า จะดำเนินความพยายามทุกอย่าง เพื่อเปิดเผยข้อเท็จจริงในการไต่สวนคดี ที่จะเกิดขึ้นต่อไป

“การออกหมายจับของศาล ไม่ได้หมายความถึงการตัดสินว่ามีความผิด เราจะพยายามทุกอย่างที่เป็นไปได้ เพื่อเปิดเผยความจริงในการพิจารณาคดีที่กำลังจะเกิดขึ้น”

แถลงการณ์บอกด้วยว่า ชินจอนจิไม่เคยพยายามที่จะแทรกแซงความพยายามในการกักโรคของเจ้าหน้าที่ โดยสิ่งที่เกิดขึ้นมีเพียงแค่ ทางลัทธิแสดงความกังวลเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ต้องการข้อมูลส่วนตัวของสมาชิกมากจนเกินไป

ทั้งนี้ สมาชิกชินจอนจิ 4,000 คน ที่ส่วนใหญ่อยู่ในสาขาที่เมืองแทกู ต่างติดเชื้อไวรัสโควิด-19

เมืองแทกู ฟ้อง ชินจอนนิ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน

ก่อนหน้านี้ ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา  เทศบาลเมืองแทกู ซึ่งเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่สุดเป็นอันดับ 4 ของเกาหลีใต้ ด้วยจำนวนประชากรในเมืองทั้งหมด 24.3 ล้านคน ยื่นฟ้องลัทธิชินชอนจิ และนายลี ต่อศาลแขวงเมืองแทกู เรียกร้องค่าเสียหาย จำนวน 100,000 ล้านวอน หรือกว่า 2,500 ล้านบาท

ค่าเสียหายดังกล่าว คิดเป็นจำนวนเงินที่มากกว่า 2 ใน 3 ของงบประมาณ ที่ทางเทศบาลใช้รับมือกับการะบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ 146,000 ล้านวอน หรือกว่า 3,700 ล้านบาท  พร้อมระบุว่า มีแผนที่จะเพิ่มจำนวนค่าเสียหายดังกล่าว หลังได้พยานหลักฐานเกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดจากการระบาดของไวรัสโควิด -19  เพิ่มขึ้น

ในการยื่นฟ้องดังกล่าว เมืองแทกูกล่าวหาอีกฝ่าย เป็นต้นเหตุทำให้เกิดการระบาดครั้งใหญ่ เพราะขัดขวางความพยายามในการควบคุมโรคของทางการ เนื่องจาก เมื่อมีการขอความร่วมมือไม่ให้รวมตัวกัน เพื่อทำพิธีทางศาสนาเป็นการชั่วคราว สมาชิกชินชอนจิ ก็ยังแอบไปรวมตัวกันในสถานที่ ที่ไม่ได้จดทะเบียนกับเทศบาล ว่าเป็นศาสนสถานอีกด้วย ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายว่าด้วยอาคาร และยังมีส่วนในการแพร่โรคระบาด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo