General

อีกด้านที่น้อยคนจะรู้ของ ‘สราวุฒิ อยู่วิทยา’ จากเพื่อนถึงเพื่อน

อีกด้านที่น้อยคนจะรู้ ของ “สราวุฒิ อยู่วิทยา” หนึ่งในครอบครัว อยู่วิทยา ที่กำลังโดนถล่มจากสังคมอย่างหนักแบบเหมาเข่ง ยกตระกูล

นั่นเพราะจากกรณี “วรยุทธ อยู่วิทยา” ขับรถชนนายดาบตำรวจ และอัยการสั่งไม่ฟ้อง จนเกิดแรงต้านคำตัดสินไปทั่วหัวระแหง และลุกลามถึงแบรนด์ กระทิงแดง ที่เป็นธุรกิจในตระกูลอยู่วิทยา แต่ในความเป็นจริงแล้ว การดูแลธุรกิจในตระกูล มีการแบ่งหน้าที่กันชัดเจน โดย สราวุฒิ ผู้เป็นอา จะดูแล กระทิงแดง หรือ TCP ขณะที่ เฉลิม อยู่วิทยา พ่อของ วรายุทธ ดูแลกลุ่มสยามไวน์เนอรี่

TCP

ล่าสุด มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Rattaplee Pak-art” ลุกขึ้นมาเขียนถึง สราวุธ อยู่วิทยา ในแง่มุมของการช่วยเหลือสังคม แบบปิดทองหลังพระ ซึ่งมากเกินกว่าที่ผู้คนทั่วไปคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเกิดวิกฤติอย่างหนักกับตระกูล และถูกสังคมตัดสินไปเรียบร้อยแล้ว ถือเป็นแง่มุมอีกด้านที่น่ารู้ โดยระบุว่า

ผมเป็นเพื่อนของสราวุฒิ อยู่วิทยา ครับ ขอเรียกชื่อเล่นแบบง่ายๆว่า เอ

อยากเขียนถึงเพื่อนคนนี้ให้คนอ่านบ้าง

ช่วงนี้ เอและครอบครัวเจอศึกหนักมาก โดนว่าโดนด่าจากสังคม โดนประนามจากคนที่ไม่รู้จักหนักหนาเหลือเกิน

เท่าที่คุยกัน เอก็มีความรู้สึกเหมือนพวกเราทุกคนแหละครับ เพียงแต่ไม่ได้ออกมาโพสต์ความในใจให้ทุกคนอ่านหรือฟังกัน

เอ ก็รู้เรื่องนี้จากข่าวเหมือนเรา คือรู้ทีหลังเลย ยังตกใจเหมือนเราอีกว่า เมืองไทยทำยังงี้ได้ด้วยเหรอ(วะ)

เหมือนเราตรงที่ไม่พอใจที่จะมีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม กฎหมายและความถูกต้อง แต่จะจัดการก็คงไม่ง่ายนัก

นึกถึงตอนเรียนชั้นประถม ในห้องมีเพื่อนส่งเสียงดังเล่นกันอยู่คนสองคน วันนั้นคุณครูเอาไม้เรียวหวดก้นยกชั้น

ผมเองถึงแม้ยังเด็ก แต่ก็ไม่เข้าใจ ว่า เราไม่ได้ทำผิด ทำไมถึงโดนตี ครูบอกว่า อยู่ห้องเดียวกัน ไม่เตือนกัน ไม่ช่วยกันดูแล ต้องรับผิดชอบร่วมกัน

ครูไม่รู้หรอกครับ ว่าเราเตือน เราห้ามเพื่อนแล้ว เราช่วยกันดูแลแล้ว แต่เพื่อนตัวแสบมันไม่ฟังเรา

ตอนที่โดนตี เพื่อนหลายคนก็พยายามบอกความจริงกับครูว่าอะไรเป็นอะไร แต่ครูไม่ฟัง ครูตั้งใจมาตีอย่างเดียวเลย

วันนี้ สังคมใน social media ทำตัวเหมือนเป็นครูคนนั้น ไม่แม้แต่พยายามจะฟังหรือพยายามจะเข้าใจ

เวลาที่ผ่านไป เด็กดีในห้องหลายคนก็ไม่เข้าใจว่าจะทนทำดีไปทำไมกัน สุดท้ายก็ต้องมาโดนครูตีเหมือนกับเจ้าเพื่อนตัวแสบ

ผมกับ สราวุฒิ(เอ) อยู่วิทยา เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ม.4 ที่เตรียมอุดม จากนั้นก็แยกย้ายไป ผมมาเรียนหมอที่จุฬาฯ ส่วนเอไปเรียนวิศวะลาดกระบังแล้วดูแลกิจการใหญ่ที่บ้านต่อ ไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยนัก

ช่วงไข้หวัดใหญ่ 2009 ระบาดไปทั่วโลก

สราวุฒิ
สราวุฒิ อยู่วิทยา

โรงพยาบาลทั้งเล็กใหญ่ในเมืองไทย ดูจะไม่ค่อยพร้อมเท่าไรกันเลย ผมเลยโทรหาเอ จำได้ว่าเป็นสองทุ่มของวันศุกร์ เล่าให้ฟังว่ามีความเป็นรีบด่วน แต่ไม่สามารถตั้งเบิกงบจัดซื้อจัดหาสิ่งจำเป็นได้ทันเวลา อยากได้เงินซักห้าแสนไปซื้อข้าวของและจ้างกั้นทำห้องตรวจที่โถงตึกจักรพงษ์

หลังจากฟังอยู่พักใหญ่ เอตอบมาว่า ทำไมโทรมาตอนนี้ค่ำมืด ธนาคารปิดกันหมดแล้ว เอางี้ละกัน วันจันทร์จะเอาเช็คไปให้ พอวันจันทร์เอก็เอาเช็คมามอบให้ที่โรงพยาบาลหนึ่งล้านบาท (จากที่ขอไว้ห้าแสน)พร้อมบอกว่า กลัวโรงพยาบาลไม่พอใช้ ในที่สุดเราก็ได้จัดห้องตรวจคัดกรองแยกโรคพร้อมอุปกรณ์ทั้งหลายพอให้ผ่านวิกฤตคราวนั้นมาได้ด้วยดี

ต่อมาไม่นาน ผอ.รพ.ขณะนั้น กำลังระดมทุนสร้างอาคารภูมิสิริฯ ซึ่งขาดอยู่อีกมาก เราเลยไป ขอการสนับสนุนจาก TCP ตั้งเป้าไว้ว่าถ้าได้ 10-20 ล้านก็มากแล้ว

วันรุ่งขึ้นเอก็โทรมาบอกว่า โครงการสร้างตึกภูมิสิริฯ นี่ดีมากเลย ชอบมาก แต่บริษัทเพิ่งปิดงบไป ตอนนี้เลยมีให้ไม่มาก ขอให้ไว้ 80 ล้านบาทก่อน ปีต่อๆไปจะให้เพิ่มอีก พร้อมทั้งขอโทษขอโพยเราใหญ่ เราเองก็ดีใจมาก เพราะจะได้เงินบริจาคมาทำตึกรักษาคนไข้ให้ดีๆ

ต่อมาเอกับพี่น้องก็ทยอยร่วมกันบริจาคเพิ่มอีกเรื่อยๆ จนเป็นสองร้อยล้านบาท สำหรับอาคารภูมิสิริที่เดียว ตอนนั้นจะขอถ่ายรูปไปทำข่าวทำอะไรก็ไม่ยอม บอกว่า ไม่อยากออกหน้า ตั้งใจมาทำบุญจริงๆ

บ่อยครั้งที่ญาติพี่น้องในครอบครัวเอป่วย ทั้งที่สามารถไปรักษาที่ไหนก็ได้ในโลก หรือโรงพยาบาลเอกชนแสนแพงในเมืองไทย เพราะยังไงก็จ่ายได้ แต่เอกับพี่น้องเลือกที่จะเข้ารักษาในโรงพยาบาลรัฐบาล แล้วตอนหลังก็มักจะบริจาคสร้างตึก ปรับปรุงสถานที่ หรือจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ราคาสูงให้เสมอ

เท่าที่ผมพอจะเห็นกับตา ได้ยินกับหูก็เช่น ศูนย์เคมีบำบัด รักษาโรคมะเร็ง ศูนย์ผ่าตัดหัวใจ หอพักนักศึกษาซึ่งแต่ละแห่งมูลค่าหลายสิบล้านทั้งนั้น ตลอดจนครุภัณฑ์ราคาเจ็ดหลัก แปดหลักก็บริจาคกันบ่อยๆ

หลายสิ่งหลายอย่างที่ว่านี้ บ่อยครั้งที่ พี่น้องอยู่วิทยา ขอไม่ไปร่วมพิธีมอบ หรือขอไม่เข้าร่วมพิธีเปิด เพราะ ไม่อยากเป็นข่าว ไม่ชอบเรื่องออกหน้าออกตา จนบางครั้งเวลามีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้น คนก็มักจะไม่รู้ว่า เหล่าพี่น้องอยู่วิทยาทำความดีอะไรไว้เบื้องหลังบ้าง

ผมเคยถามเอหลายครั้งว่า ทำไมไม่ชอบออกหน้ากัน เอบอกว่า พ่อแม่(คุณเฉลียวและคุณภาวนา) บอกว่าให้ปิดทองหลังพระ ทำความดีไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นรู้ แค่ตัวเองรู้ก็พอ ผมเคยบอกเอว่า สมัยนี้น่าจะต้องออกหน้าบ้าง จะมัวแต่ปิดทองหลังพระไม่ไหวแล้ว เวลาเราเดือดร้อน คนก็ไม่มาสงสารเห็นใจ เพราะไม่ค่อยรู้สิ่งที่เราทำ พูดไปหลายสิบรอบจนช่วงหลังๆ ก็มียอมออกหน้าบ้าง

จนมาถึง วิ่งกระตุกหัวใจปี 2018 และ วิ่งกระตุกหัวใจ Virtual run ปี2019 ที่ไปขอให้เอมาช่วยทำงานกัน เอก็มาแบบจัดเต็มคือ ช่วยเงินสนับสนุนเยอะมาก เยอะกว่า major sponsor หลายราย แต่ขอออกหน้านิดเดียวโดยพยายามเกลี่ยผลิตภัณฑ์ไม่ให้เด่นนัก

นอกจากเงินแล้ว เอยังส่งทีมคนทำงานจาก TCP มาช่วยอีกหลายฝ่าย แม้กระทั่งมาประชุมเองบ่อยมาก ช่วยออกความคิดระดมความเห็นจนในที่สุดเราได้เงินบริจาคร้อยกว่าล้านบาท เยอะพอที่จะสามารถซื้อเครื่อง AED แจกได้ทุกจังหวัดจังหวัดละหลายๆ เครื่องกันเลย

ผมยังแซวกันอยู่เลยว่า เอเอาเวลาทำเงินรายได้ให้บริษัท มาทำงานการกุศลแบบตัวเอง เสียทั้งเวลาเสียทั้งเงิน แต่เอก็หัวเราะบอกว่า แบบนี้แหละชอบ สนุกด้วย ได้บุญด้วย

จนเมื่อ ธันวา-มกรา ที่เพิ่งผ่านมา เอกับผมโทรคุยกันบ่อยมากด้วยเรื่อง COVID19 ว่าถ้าเข้าไทยจะทำไงกันดี เรื่องเงินบริจาคช่วยคนไทยไม่ใช่ปัญหาสำหรับเอ และ TCP แต่ หลายๆ อย่างนั้นมีเงินก็ไม่สามารถซื้อได้ เราเลยค่อยๆเริ่มจาก ทำหน้ากากผ้าแบบมีไส้กรอง

ช่วงแรกทำไปราวแสนชิ้น รวมถึงหน้ากาก N95 และชุดPPE ที่สั่งซื้อจากต่างประเทศ เพื่อแจกจ่ายฟรีให้กับโรงพยาบาล ที่ขาดแคลนทั่วประเทศ ตู้อะครีลิคสำหรับตรวจโควิดที่ใช้ตรวจคนไข้และป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ก็ช่วยทั้งผลิตและจัดส่งถึงมือแพทย์พยาบาลผู้ใช้ตามโรงพยาบาลกันเลย หรือแม้กระทั่งเครื่องมือตรวจ RT-PCR รุ่นล่าสุดที่เพิ่งผ่าน FDA สหรัฐอเมริกาที่หายาก เพราะขาดแคลนกันทั้งโลก เอ ก็ควักเงินสิบกว่าล้านให้ โดยไม่ลังเล พร้อมทั้งช่วยต่อรองอย่างแข็งขัน จนได้มาใช้ช่วยคนไทยไปได้มากโขอยู่

ระหว่างที่ช่วยกันทำเรื่อง COVID19 หลายเรื่องที่เกี่ยวกับตำรวจหรือศุลกากรนั้น เอบอกว่าไม่รู้จักใครเลย แล้วถามผมว่าพอจะช่วยได้มั้ย ทั้งเรื่องการหาหน้ากากN95 จากต่างประเทศเพื่อมาแจก รพ. การนำเข้าเครื่องตรวจราคาแพงแบบจำเป็นเร่งด่วน หรือแม้กระทั่งการจัดส่ง เวชภัณฑ์และครุภัณฑ์ หลายอย่างที่ต้องพึ่งตำรวจทางหลวง ผมเลยต้องอาศัยคนไข้บ้าง เพื่อนฝูงพี่น้องที่รู้จักกันบ้าง ค่อยๆช่วยกันจนลุล่วงไปได้ ยังนึกแปลกใจอยู่เหมือนกันว่า เอไม่ค่อยใช้หรือไม่ค่อยมีเส้นสายอิทธิพลเหมือนคนมีเงินทั่วๆไปเลย แปลกดีเหมือนกัน

ที่ผมเล่ามาข้างบนนั้นยืดยาว เป็นแค่ส่วนหนึ่ง ที่จริงยังมีอีกเยอะและยาวมาก ที่ เอและพี่น้องได้ปิดทองไว้ข้างหลังพระ

วันนี้ผมขอโอกาสเป็นผู้ชวนให้ผู้ที่ผ่านมาอ่านเข้าแวะเดินไปชมหลังองค์พระบ้าง

ถ้ามัวแต่รอให้ทองโผล่ไปข้างหน้า คนปิดทองอยู่ข้างหลังอาจจะท้อใจหรือตรอมใจจากไปก่อนกาลได้

ไม่อยากให้คนดีๆเสียกำลังใจไป ห่วงจะไม่มีคนมาปิดทองที่องค์พระกันอีก

แต่สำหรับผมแล้ว

ไม่ว่าเอจะรวยไปกว่านี้ หรือจะยากจนไม่เหลืออะไรเลย จะสุขกว่านี้ หรือจะทุกข์กว่านี้ สังคมจะรักหรือจะด่าประนามแค่ไหน ผมยังมั่นใจเสมอว่า คุณธรรมและความดีงามของเอยังคงเหมือนเดิม

ผมยังภูมิใจที่ได้บอกคนอื่นเต็มเสียงทุกครั้งว่า

“คนนี้ คุณเอ สราวุฒิ อยู่วิทยา เพื่อนผมเองครับ”

ขอบคุณข้อมูลจาก : Rattaplee Pak-art

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo