Business

‘เราเที่ยวด้วยกัน’ เงียบเหงา! สิทธิ์จองโรงแรมเหลือเพียบ

เราเที่ยวด้วยกัน เงียบเหงา! สิทธิ์จองโรงแรมเหลือ 4,701,257 สิทธิ์ จากทั้งหมด 5 ล้านสิทธิ์ ด้าน “รองโฆษกรัฐบาล” ยืนยัน รัฐบาลดำเนินการโครงการ “กำลังใจ” อย่างรัดกุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงการคลัง รายงานการลงทะเบียน “เราเที่ยวด้วยกัน” จนถึงวันที่ 29 กรกฎาคม 2563 มียอดการลงทะเบียนรวม 4.65 ล้านคน ลงทะเบียนสำเร็จ 4.40 ล้านคน มียอดจองโรงแรมอยู่ที่ 285,530 ห้อง จ่ายเงินจองให้โรงแรมแล้ว 282,409 ห้อง check in แล้ว 55,177 ห้อง และ check out แล้ว 50,605 ห้อง

ทั้งนี้ มีผู้ประกอบการประสงค์เข้าร่วมโครงการ แบ่งเป็นโรงแรม 6,684 แห่ง ร้านอาหาร 58,744 แห่ง และสถานที่ท่องเที่ยว 1,590 แห่ง

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด ณ เวลา 14.29 น. (30 ก.ค.) มียอดสิทธิ์ที่เหลือในโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” อยู่ที่ 4,701,181 สิทธิ์ จากทั้งหมด 5 ล้านสิทธิ์

เราเที่ยวด้วยกัน

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า หลังจากโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภาคการท่องเที่ยว แพ็กเกจ “กำลังใจ” วงเงิน 2,400 ล้านบาท โดยเปิดให้ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) อาสาสมัครสาธารณสุข (อสส.) และ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) จำนวน 1.2 ล้านคน ท่องเที่ยวฟรี 100% โดยต้องใช้บริการของบริษัทนำเที่ยวในระบบ ราคานำเที่ยว 2 วัน 1 คืน ไม่เกิน 2,000 บาทต่อคน กำหนดให้เริ่มเดินทางตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม – 31 ตุลาคมนี้

ล่าสุด มีผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยว ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่าน www.เที่ยวปันสุข.ไทย จำนวน 986 ราย จากที่มีบริษัทนำเที่ยวจดทะเบียนในไทยกว่า 13,000 ราย หลังจากปิดรับสมัครไปเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา

ดังนั้น กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จึงตัดสินใจขยายวันรับสมัครไปจนถึงวันที่ 5 สิงหาคมนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้สมัครเข้าร่วมโครงการมากขึ้น ส่วนบริษัทนำเที่ยวที่สมัครเข้าร่วมโครงการแล้ว แต่ยังลงรายละเอียดรายการนำเที่ยวไม่ชัดเจน เช่น ยังขาดรายชื่อที่พักและแหล่งท่องเที่ยว ก็สามารถกลับมาลงรายละเอียดให้ครบได้

ส่วนแพ็กเกจ “เราเที่ยวด้วยกัน” นั้น ยอมรับว่า ยอดจองสิทธิ์ห้องพักเข้ามาค่อนข้างอืด ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 300,000 คืน จากโควตาทั้งหมด 5 ล้านคืน คาดว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนไทยรอจองห้องพักช่วงเฟส 2 ของโครงการ หลังจากก่อนหน้านี้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ มีแนวคิดกระตุ้นการท่องเที่ยวในเมืองรอง 55 จังหวัด และกระตุ้นการเดินทางวันธรรมดา ด้วยการเพิ่มอัตรารัฐช่วยจ่ายค่าที่พักและค่าอาหารกับสถานที่ท่องเที่ยวเป็น 60% จากเฟส 1 ที่รัฐช่วยจ่ายในอัตรา 40%

เราเที่ยวด้วยกัน

ด้าน น.ส. ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “กวาง ไตรศุลี ไตรสรณกุล” ระบุว่า “โครงการกำลังใจ” ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่บุคลากรสมาชิก อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) อาสาสมัครสาธารณสุข (อสส.) และ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) ที่ปฏิบัติหน้าที่สนับสนุนการทำงานของทีมแพทย์ พยาบาล ยกระดับงานสาธารณสุขในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19

รวมทั้งเป็นการกระตุ้นการเดินทางจากภาครัฐโดยตรง โดยรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณสำหรับการศึกษาดูงาน 2 วัน 1 คืน คนละ 2,000 บาท จากงบประมาณ พ.ร.ก.เงินกู้ฯ

ทั้งนี้ ททท. ร่วมกับธนาคารกรุงไทย กำหนดคุณภาพ มาตรฐานการบริการ การตรวจสอบการเดินทางจริงให้รัดกุมที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการรวบรวมบุคลากรไปยังธุรกิจรายใดรายหนึ่ง เพื่อให้เกิดการกระจายโอกาสอย่างแท้จริง ป้องกันการแสวงหาประโยชน์ในโครงการนี้

โดยมีรายละเอียดในส่วนของการดำเนินการ ดังนี้

1. ขั้นตอนแรก บริษัทนำเที่ยวจะต้องจดทะเบียนผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยว ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2563 เท่านั้น เพราะเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์จริง ไม่สามารถจัดตั้งบริษัทใหม่มาผูกขาดได้

2. ขั้นตอนที่สอง บุคลากร อสม. รพ.สต. อสส. ต้องเปิดแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ของธนาคารกรุงไทย เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยืนยันเดินทางกับแอปพลิเคชั่น “ถุงเงิน” ของบริษัทนำเที่ยว เพื่อยืนยันตัวตนและการเดินทางจะใช้ระบบสแกนแอปพลิเคชั่นของธนาคารกรุงไทยทุกคน โดยไม่ได้ใช้เพียงบัตรหรือรายชื่อเท่านั้น

3. สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวพิจารณาตรวจสอบคุณภาพของรายการนำเที่ยว ทั้งนี้ เมื่อได้รับการอนุมัติแล้ว บริษัทไม่สามารถยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงรายการนำเที่ยวได้

4. เมื่อรายการนำเที่ยวผ่านการตรวจสอบ และบริษัทลงทะเบียนแอปพลิเคชั่นถุงเงินเรียบร้อยแล้ว จึงจะนำรายการนำเที่ยวขึ้นเสนอใน www.เที่ยวปันสุข. ไทย ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2563

5.ในช่วงวันที่เดินทางจริง (ระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคม – 31 ตุลาคม 2563) บริษัทนำเที่ยวจะต้องใช้แอปพลิเคชั่นถุงเงิน สแกน QR Code ของแอปพลิเคชั่นเป๋าตังของคณะเดินทางทุกคน (อสม. รพ.สต. และ อสส.) เพื่อยืนยันพิกัดการเดินทาง จำนวน 2 ครั้ง ในวันแรกและวันที่สอง และใช้เป็นหลักฐานสำคัญประกอบการเบิกค่าใช้จ่าย

6.บริษัทนำเที่ยว จะต้องเก็บหลักฐานการเดินทางของคณะ ในรูปแบบเอกสาร เป็นระยะเวลา 1 ปี และสามารถนำมาแสดงในกรณีที่ต้องรับการตรวจสอบเพิ่มเติมได้ อาทิ ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว รายการนำเที่ยว ไม่น้อยกว่า 2 วัน 1 คืน รายชื่อผู้เข้าพักรับรองโดยทางโรงแรม ประกันอุบัติเหตุและภาพถ่ายหมู่ของคณะทุกคน จำนวน 4 ภาพ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo