ศาลมาเลเซีย ตัดสินจำคุก 12 ปี อดีตนายกรัฐมนตรี “นาจิบ ราซัค” พบกระทำความผิดทั้ง 7 ข้อหา ในการโอนเงินจำนวน 42 ล้านริงกิต จากเอสอาร์ซี อินเตอร์เนชันแนล หน่วยงานในเครือวันเอ็มดีบี (1MDB) มาเข้าบัญชีส่วนตัว
ผู้พิพากษาโมห์ด นาซลัน กาซาลิ ระบุว่า หลังจากที่ได้มีการพิจารณาหลักฐานทั้งหมดแล้วพบว่า อัยการมีหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่า นาย นาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย มีความผิดในทุกข้อกล่าวหาที่เกี่ยวกับการคอร์รัปชัน เงินกองทุนวันเอ็มดีบี ซึ่งรวมถึง การใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ การทำผิดหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย และการฟอกเงิน
ในคำฟ้องนั้น อัยการระบุว่า เงินจำนวน 42 ล้านริงกิต หรือกว่า 300 ล้านบาท จาก เอสอาร์ซี อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเคยเป็นหน่วยงานหนึ่งของกองทุนวันเอ็มดีบี ถูกโอนไปยังบัญชีส่วนตัวของนายนาจิบ ในขณะที่ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีคลัง และที่ปรึกษาวันเอ็มดีบี กองทุนที่รัฐบาลของนายนาจิบได้จัดตั้งกองทุนวงเงิน 6,500 ล้านดอลลาร์ ขึ้นมาในปี 2552 โดยมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของมาเลเซีย
นอกจากโทษจำคุกแล้ว ศาลยังสั่งให้นายนาจิบ จ่ายเงินค่าปรับจำนวน 210 ล้านริงกิต หรือมากกว่า 1,500 ล้านบาท และแม้ว่า ความผิดเหล่านี้ จะมีบทลงโทษเป็นการเฆี่ยนด้วยนั้น แต่ศาลไม่ได้ตัดสินโทษอดีตนายกรัฐมนตรีวัย 67 ปี ด้วยวิธีการนี้แต่อย่างใด
การตัดสินครั้งนี้ ยังมีขึ้นเพียง 6 วัน หลังจากศาลสูงมาเลเซีย สั่งให้ อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย รายนี้ จ่ายเงินคืนให้กับรัฐบาลมากถึง 1,690 ล้านริงกิต เป็นค่าภาษีที่ค้างจ่าย และค่าปรับต่างๆ ตั้งแต่ปี 2554-2560
ก่อนหน้านี้ โกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจสหรัฐ แถลงเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วว่า ได้บรรลุ ข้อตกลงวงเงิน 3,900 ล้านดอลลาร์ กับรัฐบาลมาเลเซีย ในการยุติคดีกองทุนวันเอ็มดีบี
ภายใต้ข้อตกลงนี้ โกลด์แมน แซคส์ ยินยอมจ่ายเงินจำนวน 2,500 ล้านดอลลาร์ แก่รัฐบาลมาเลเซีย เพื่อแสดงความรับผิดชอบ ต่อการที่ทางธนาคาร มีบทบาทสำคัญในกรณีอื้อฉาวของกองทุนแห่งนี้ และรับประกันการจ่ายเงินอีก 1,400 ล้านดอลลาร์ จากการยึดทรัพย์สินทั่วโลก ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทุนดังกล่าว
ทางด้าน กระทรวงการคลัง มาเลเซีย แถลงว่า การบรรลุข้อตกลงที่เกิดขึ้น เป็นการแสดงว่า โกลด์แมน แซคส์ ยอมรับต่อการดำเนินงานที่ผิดพลาดของอดีตพนักงาน 2 ราย ในคดีฉ้อโกงที่เกี่ยวข้องกับกองทุนวันเอ็มดีบี
ย้อนรอยคดีสุดฉาว “นาจิบ ราซัค”
รัฐบาลมาเลเซีย ได้ยื่นฟ้องนายนาจิบผ่านคณะกรรมการสรรพากรในประเทศ (IRB) เมื่อปีที่แล้ว โดยขอให้เขาจ่ายภาษีที่ค้างชำระพร้อมดอกเบี้ย 5% ต่อปี นับจากวันตัดสิน รวมถึงค่าใช้จ่ายและค่าเยียวยาอื่นๆ ตามที่ศาลเห็นสมควร
นับตั้งแต่พรรคของเข าสูญเสียอำนาจในการเลือกตั้งปี 2561 อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ถูกฟ้องร้องด้วยข้อกล่าวหาอีกหลายสิบข้อ รวมถึงการทุจริต การฟอกเงิน การใช้อำนาจในทางที่ผิด และการละเมิดต่อหน้าที่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับเงินหลายล้านริงกิต แต่เขาได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด
เมื่อปลายปี 2562 นายนาจิบ อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้รับคำสั่งศาลให้เข้ามาให้การต่อสู้คดี สำหรับข้อหาทุจริตต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกองทุนวันเอ็มดีบี
ผู้พิพากษาศาลสูงกัวลาลัมเปอร์มีคำสั่งให้ นายนาจิบเข้ามาให้การต่อสู้คดีในข้อกล่าวหาทั้ง 7 กระทง ได้แก่
- ข้อหาละเมิดต่อหน้าที่ (breach of trust) 3 กระทง
- ข้อหาใช้อำนาจโดยมิชอบ 1 กระทง
- ข้อหาฟอกเงินซึ่งเกี่ยวข้องกับกองทุนเอสอาร์ซี อินเตอร์เนชันแนล อีก 1 กระทง
ผู้พิพากษาระบุว่า “มีพยานหลักฐานเบื้องต้นปรากฎในทุกข้อหา บัดนี้ศาลจึงขอเรียกตัวจำเลยให้เข้ามาให้การต่อสู้คดีในทุกข้อกล่าวหา”
คำสั่งดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากมาเลเซียเริ่มพิจารณาคดีนี้ มาตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน 2562 โดยระหว่างนั้นมีการเรียกพยาน 57 ปากเข้ามาให้การ โดยใช้เวลาดำเนินการมากกว่า 60 วันทำการ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘นาจิบ ราซัค’ อดีตนายกฯ มาเลเซีย โดนศาลสั่งจ่ายภาษีย้อนหลัง 1.25 หมื่นล้าน
- ‘นาจิบ’ เจออีก 6 ข้อหาอาญาทำผิดต่อหน้าที่ คดี ‘1MDB’
- หมดอำนาจ! ‘นาจิบ’ ตกที่นั่งลำบาก
