Politics

แถลงการณ์คณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มธ. กรณี ‘บอส อยู่วิทยา’

คดี บอส อยู่วิทยา คณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 31 คนออกแถลงการณ์จี้ “อัยการสูงสุด – สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ชี้แจงอย่างละเอียดกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญา “วรยุทธ อยู่วิทยา”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 31 คน ได้ออกแถลงการณ์กรณี “คดี บอส อยู่วิทยา” โดยระบุว่า ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับการยุติการดำเนินคดีอาญากับ นายวรยุทธ อยู่วิทยา ซึ่งถูกตั้งข้อหาเป็นคดีอาญา 5 ข้อหา รวมถึงข้อหาขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยที่ทั้ง 5 ข้อหานี้ หากมีการดำเนินคดีอาญาและต่อสู้คดีกันตามปกติ แม้พิสูจน์ได้ว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิดจริง ก็มีโอกาสที่ศาลจะพิพากษารอการกำหนดโทษหรือรอการลงโทษ

อย่างไรก็ตาม ปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีความพยายามในการช่วยเหลือผู้ถูกกล่าวหาซึ่งมีสถานะทางสังคมและเศรษฐกิจที่ดียิ่งให้รอดพ้นจากการถูกดำเนินคดีมาอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ของรัฐบางคนที่ให้การช่วยเหลือผู้ถูกกล่าวหาถูกลงโทษทางวินัย ในขณะที่ผู้ถูกกล่าวหาเองได้รับอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศและไม่ได้กลับมาต่อสู้คดีตามปกติเป็นเวลาต่อเนื่องยาวนานหลายปี 

คดี บอส อยู่วิทยา

ข้อเท็จจริงที่กล่าวมาข้างต้น เป็นเหตุให้สังคมเกิดความเคลือบแคลงสงสัยในความโปร่งใสและประสิทธิภาพของกระบวนการยุติธรรมทางอาญา และคอยติดตามความคืบหน้าของการดำเนินคดีด้วยความวิตกกังวลอย่างยิ่ง

แม้เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า การดำเนินคดีและผลของคดีอาญาในคดี จะมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวง ต่อความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมของประเทศในภาพรวม การดำเนินคดีอาญาในคดีนี้ กลับเป็นไปด้วยความล่าช้า จนทำให้คดีขาดอายุความไป 3 ข้อหา ในขณะที่ข้อหาขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นข้อหาที่อุกฉกรรจ์ที่สุดในบรรดาข้อหาทั้งหมดและเจ้าพนักงานยังมีโอกาสพิสูจน์ความผิดของผู้ถูกกล่าวหาไปจนถึงปี 2570

สำนักงานอัยการสูงสุด กลับมีคำสั่งไม่ฟ้อง และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้องดังกล่าว ทั้งที่ได้เคยมีการออกหมายจับไปแล้วก่อนหน้า และมีการแจ้งให้สาธารณชนทราบเมื่อไม่นานมานี้ว่า อยู่ระหว่างการดำเนินคดี โดยไม่ได้ชี้แจงเหตุผลให้ประชาชนทราบอย่างชัดเจน ถึงการเปลี่ยนแปลงคำสั่งและดุลยพินิจ ซ้ำร้ายสังคมกลับทราบข่าวการสั่งไม่ฟ้องจากสื่อต่างประเทศ 

นอกจากนี้ รายงานการตรวจพบสารเสพติดในตัวผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งปรากฏเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ ทำให้สังคมเกิดความเคลือบแคลงสงสัย การใช้ดุลยพินิจสั่งไม่ฟ้องคดีอาญา ผู้ถูกกล่าวหาในข้อหาขับรถขณะเมาสุรา ที่ได้ยุติไปก่อนหน้า และการไม่ดำเนินคดีอาญาใดๆ ที่เกี่ยวข้องการตรวจพบสารเสพติดในร่างกาย

แม้ว่าตามกฎหมาย พนักงานอัยการจะมีดุลยพินิจ ในการสั่งคดี ไม่ว่าจะเป็นการสั่งฟ้อง หรือ การสั่งไม่ฟ้องบนพื้นฐานของ “พยานหลักฐาน” ว่าพอเพียงที่จะดำเนินคดีหรือไม่ และรับฟังได้เพียงใด หรือบนพื้นฐานของ “ประโยชน์สาธารณะ” แต่การใช้ดุลยพินิจดังกล่าวจะต้องมี “เหตุผล” ที่หนักแน่น โดยเฉพาะคดี ที่มีผลกระทบอย่างยิ่งต่อความเชื่อมั่นของประชาชน ในกระบวนการยุติธรรมของประเทศอย่างเช่นคดีนี้

ยิ่งต้องแสดงเหตุผลที่หนักแน่นมากเป็นพิเศษ เพื่อแสดงให้เห็นถึงการดำเนินคดีอาญาที่โปร่งใส เป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งจะช่วยคลายความวิตกกังวลของสาธารณชน อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เริ่มมีการดำเนินคดีอาญากับผู้ถูกกล่าวหาเมื่อปี 2555 จวบจนปัจจุบัน ความเคลือบแคลงสงสัยของสังคมมีแต่จะเพิ่มมากขึ้น 

คดี บอส อยู่วิทยา

ในขณะที่คำชี้แจง หรือ คำอธิบายต่อการดำเนินการ และผลทางคดีกลับไม่ชัดเจน ไม่มีเหตุผลหนักแน่นเพียงพอ และบางครั้งมีความขัดแย้งกันเอง สร้างความไม่พอใจและเสื่อมศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรมในหมู่ประชาชนอย่างกว้างขวาง และส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาของนานาชาติ

เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า สังคมไทยมีความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาประชาชนจำนวนมากตั้งคำถามเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมที่เหลื่อมล้ำและเลือกปฏิบัติเพราะเหตุของความแตกต่างทางเศรษฐกิจและสถานะทางสังคม จนเกิดวาทกรรม “คุกมีไว้ขังคนจน” 

ในขณะที่บุคลากรส่วนใหญ่ ในกระบวนการยุติธรรมและผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมายพยายามอย่างยิ่ง ในการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้กฎหมายด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และพยายามกอบกู้ศรัทธาของประชาชน ที่มีต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศ หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงการดำเนินคดีอาญาต่อ “นายวรยุทธ อยู่วิทยา” ทำให้ความพยายามดังกล่าวไร้ความหมายในสายตาของประชาชาชน และการวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมที่มีต่อองค์กรและบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมบั่นทอนกำลังใจของผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม

เพื่อธำรงไว้ซึ่งหลักความเสมอภาคภายใต้กฎหมายและหลักนิติรัฐ เพื่อกอบกู้ศรัทธาของประชาชน ที่มีต่อกระบวนการยุติธรรมของไทย และเพื่อรักษากำลังใจของบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปด้วยความสุจริตเที่ยงธรรมและด้วยความภาคภูมิใจ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการผลิตบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม

คณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดังมีรายนามข้างท้าย ขอเรียกร้องให้สำนักงานอัยการสูงสุดและสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการดังต่อไปนี้โดยเร็ว 

1. ชี้แจงขั้นตอนการดำเนินการคดีอาญากับนายวรยุทธ อยู่วิทยา โดยละเอียดและอธิบายเหตุผลอย่างชัดเจนถึงผลของคดีที่ขาดอายุความและการใช้ดุลยพินิจไม่ฟ้องคดีอาญา 

2. ตรวจสอบว่าการดำเนินการและการใช้ดุลยพินิจดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมาย สุจริตและโปร่งใสหรือไม่ และหากพบว่ามีการดำเนินการหรือการใช้ดุลยพินิจในขั้นตอนใดไม่เป็นไปตามกฎหมาย ไม่สุจริต หรือไม่โปร่งใส ให้พิจารณาดำเนินการและใช้ดุลยพินิจใหม่ให้ถูกต้อง

27 กรกฎาคม 2563

คณาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

1. รองศาสตราจารย์ ดร.มุนินทร์ พงศาปาน
2. รองศาสตราจารย์ ดร.สุปรียา แก้วละเอียด
3. รองศาสตราจารย์ ดร.ต่อพงศ์ กิตติยานุพงศ์
4. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รณกรณ์ บุญมี
5. รองศาสตราจารย์ ดร.นิรมัย พิศแข มั่นจิตร
6. รองศาสตราจารย์ ดร.สมเกียรติ วรปัญญาอนันต์
7. รองศาสตราจารย์ ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา
สายสุนทร
8. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพร โพธิ์พัฒนชัย
9. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ทวีศักดิ์ เอื้ออมรวนิช
10. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เอมผกา เตชะอภัยคุณ

11. อาจารย์ปวีร์ เจนวีระนนท์
12. อาจารย์เอื้อการย์ โสภาคดิษฐพงษ์
13. อาจารย์เฉลิมวุฒิ ศรีพรหม
14. อาจารย์ภัทรพงษ์ แสงไกร
15. ผู้ช่วยศาสตราจารย์กิตติพงศ์ กมลธรรมวงศ์
16. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล
17. ศาสตราจารย์ ดร.อุดม รัฐอมฤต
18. ศาสตราจารย์ ดร.สุเมธ ศิริคุณโชติ
19. อาจารย์ปทิตตา ไชยปาน
20. อาจารย์อัครวัฒน์ เลาวัณย์ศิริ

21. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มาตาลักษณ์ เสรเมธากุล
22. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กรศุทธิ์ ขอพ่วงกลาง
23. อาจารย์สุรศักดิ์ บุญญานุกูลกิจ
24. อาจารย์พวงรัตน์ ปฐมสิริรักษ์
25. อาจารย์ ดร.นัษฐิกา ศรีพงษ์กุล
26. อาจารย์จุฑามาศ ถิระวัฒน์
27. อาจารย์ปรียาภรณ์ อุบลสวัสดิ์
28. อาจารย์กรกนก บัววิเชียร
29. อาจารย์กีระเกียรติ พระทัย
30. อาจารย์เมษปิติ พูลสวัสดิ์
31. อาจารย์กิตติภพ วังคำ

อ่านแถลงการณ์ฉบับเต็มที่นี่

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo