“อาจารย์ปริญญา” ชี้ไม่สั่งฟ้อง “บอส อยู่วิทยา” เป็นเรื่องร้ายแรง สั่นคลอนกระบวนการยุติธรรม จี้ “อัยการ” เร่งชี้แจง เตือน! ระวังเรื่องลุกลามถูกสังคมบอยคอต
จากกรณีที่อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา (บอส) ทายาทเจ้าของธุรกิจกระทิงแดง ซึ่งขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555 ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้ถือถึงแก่ความตาย โดยตำรวจแห่งชาติไม่แย้งคำสั่งดังกล่าวของพนักงานอัยการ จึงเป็นอันสิ้นสุดคดีและเตรียมถอนหมายจับนั้น
ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ และรองอธิการบดีฝ่ายความยั่งยืนและบริหารศูนย์รังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องร้ายแรง และกำลังบั่นทอนความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย
“#ทำไมการที่อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาคดีนี้จึงเป็นเรื่องร้ายแรง
กรณีนี้ไม่ใช่แค่ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิตเท่านั้น แต่เป็นเรื่อง #ชนแล้วหนี แล้วคนที่ถูกชนก็คือ #เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ ทั้งยังมีการใช้ให้ผู้อื่นมารับผิดแทน การที่คดีล่าช้าอยู่ในชั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจนานถึง 8 ปี ก็แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติ และแสดงให้เห็นถึงปัญหา #ความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรม ของประเทศไทยมากพออยู่แล้ว
ดังนั้น การที่ สำนักงานอัยการสูงสุด สั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาคดีนี้ที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศทุกข้อหา จึงเป็น #เรื่องร้ายแรงมาก ในความรู้สึกของผู้คนโดยทั่วไป และเป็นการตอกย้ำสิ่งที่พูดกันว่า #คุกมีไว้ขังแค่คนจน ส่วนคนรวยจะหลุดรอดเพราะมีเส้นสายและวิ่งเต้นได้ ว่าเป็นเรื่องจริง
#สำนักงานอัยการสูงสุดจึงต้องชี้แจงเหตุผล ว่า #ทำไมจึงสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทุกคดีเช่นนี้ อย่าให้คนคิดไปว่ากระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยสามารถวิ่งเต้นและใช้เส้นสายได้ เพราะนี่คือกรณีที่สั่นคลอนความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศเป็นอย่างยิ่ง หาไม่แล้วคนจะไม่ใช่แค่บอยค็อตต์ผลิตภัณฑ์ในเครือกระทิงแดง แต่อาจจะบอยค็อตต์สำนักงานอัยการสูงสุดด้วย
ส่วน #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะแถลงแค่ว่าทำตามขั้นตอน และทำตามความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดไม่ได้ แต่ต้องชี้แจงให้เหตุผลว่า #ทำไม่ไม่คัดค้านความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดที่สั่งไม่ฟ้อง ด้วยครับ”
ก่อหน้านี้นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ก็ได้ออกมาพูดถึงนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ว่า กรณีดังกล่าวมีข้อสงสัยอยู่ว่า อัยการ สูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธได้อย่างไร
ในเมื่อคดีขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่จะมีมีอายุความถึง 15 ปี โดยจะขาดอายุความในปี 2570 ยังมีระยะเวลาอีกหลายปีที่ตำรวจจะต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อนำคนผิดมาลงโทษได้
การกระทำดังกล่าวของอัยการสูงสุดและตำรวจเจ้าของคดี จึงอาจเข้าข่ายความผิดทางวินัยและความผิดอาญาหรือไม่ สมาคมฯ จึงจำต้องนำความไปร้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ไต่สวนและสอบสวนเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไปในสัปดาห์หน้า
สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายน 2555 นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ลูกชายคนเล็กของนายเฉลิม อยู่วิทยา มหาเศรษฐีทายาทเจ้าของเครื่องดื่มชูกำลัง ขับรถสปอร์ตเฟอร์รารี่ ชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผู้บังคับหมู่งานป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจทองหล่อ ที่ขี่รถจักรยานยนต์ตราโล่อยู่ จนร่างดาบตำรวจถูกลากไปไกลกว่า 200 เมตร เสียชีวิตห่างจากจุดเกิดเหตุ 200 เมตร บริเวณปากซอยสุขุมวิท 49
โดย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ขณะนั้น นำตำรวจ 200 นายเข้าล้อมบ้านของนายเฉลิม อยู่วิทยา ต่อมาสารวัตรปราบปรามสถานีตำรวจทองหล่อมีความพยายามนำตัว “นายสุเวศ” พ่อบ้านตระกูลอยู่วิทยามามอบตัว อ้างว่าเป็นคนขับรถชนตำรวจในวันดังกล่าว แต่สุดท้ายเจ้าตัวรับสารภาพว่า มารับผิดแทนลูกของเจ้านาย เพราะสำนึกในบุญคุณของตระกูลอยู่วิทยา
ในที่สุด นายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ในวัย 27 ปี ก็ยอมมามอบตัว พร้อมรับสารภาพว่าเป็นคนขับเฟอร์รารี่ชน ด.ต.วิเชียร แต่ไม่มีเจตนาหลบหนี เพียงแค่ตกใจจึงขับรถกลับบ้านไปตั้งหลัก
จากนั้น ในปี 2559 ตำรวจสรุปสำนวนให้อัยการสั่งฟ้องได้เพียง 2 ข้อหาคือ ข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และข้อหาไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือผู้ถูกชน
ขณะที่ข้อหาขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนดเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต หมดอายุความตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน 2556 หลังเกิดเหตุ 1 ปี และตำรวจยังไม่ฟ้องข้อหาขับรถโดยขณะมึนเมาด้วย แม้จะมีคำสั่งฟ้องคดีดังกล่าว
5 ข้อหา “บอส อยู่วิทยา”
- ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย คดีนี้มีอายุความ 15 ปี สิ้นอายุความ ในเดือนกันยายน 2570
- ไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือผู้ที่ถูกชน หรือชนแล้วหนี อายุความ 5 ปี สิ้นอายุความเมื่อเดือนกันยายน 2560
- ขับรถใช้ความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด อายุความ 1 ปี
- ขับรถโดยขณะมึนเมา ขาดอายุความ
- ขับรถโดยประมาททำให้ทรัพย์สินเสียหาย ขาดอายุความ
ทั้งนี้ นายวรยุทธ หลบหนี ออกจากประเทศไทยหลังได้รับการประกันตัว และเมื่อปี 2560 ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าว AP ได้ติดตามไปพบนายวรยุทธ ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน ของอังกฤษ แต่เขาไม่ได้ตอบคำถามใดๆ
หลังจากนั้นมีกระแสทวงถามความคืบหน้าของคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยและผู้เกี่ยวข้อง เพื่อให้นำตัวนายวรยุทธกลับมาดำเนินคดีที่ไทย ได้รับคำตอบว่าหาตัวนายวรยุทธไม่พบ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ศรีสุวรรณ’ เรียกร้องศาลยุติธรรม ระงับเพิกถอนหมายจับ ‘บอส อยู่วิทยา’
- เปิดคำสั่ง!! อัยการไม่ฟ้อง’บอส อยู่วิทยา’ ผบ.ตร.ไม่แย้ง
- รองอัยการแจงละเอียด ตามตัว ‘บอส อยู่วิทยา’ ทายาทกระทิงแดง หลังปปช.ชี้มูลความผิด