Politics

‘ศรีสุวรรณ’ เรียกร้องศาลยุติธรรม ระงับเพิกถอนหมายจับ ‘บอส อยู่วิทยา’

“ศรีสุวรรณ” เรียกร้องศาลยุติธรรม ระงับเพิกถอนหมายจับ “บอส อยู่วิทยา” ทายาทกระทิงแดง จนกว่าคดีนี้จะหมดอายุความในอีก 7 ปีข้างหน้า

ระงับเพิกถอนหมายจับ “บอส อยู่วิทยา”!  นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมาแถลงยืนยันว่า นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ทายาทผู้ก่อตั้งเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง หลุดพ้นจากข้อกล่าวหาทั้งหมดในคดี ขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตเมื่อปี 2555 หลังจากพนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายแล้วนั้น

ถึงแม้ข้อกล่าวหาต่าง ๆ ของนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส จะหมดอายุความไปเกือบหมดแล้วก็ตาม แต่ทว่าข้อหา “ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291” มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่จะมีมีอายุความถึง 15 ปี โดยจะขาดอายุความในปี 2570 ซึ่งยังมีระยะเวลาอีกหลายปี ที่ตำรวจจะต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวน เพื่อนำคนผิดมาลงโทษได้ แม้พนักงาน อัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง ในข้อหาดังกล่าวแล้ว แต่มิได้หมายความว่ามูลคดีจะจบลงไปโดยปริยายหาได้ไม่

ระงับเพิกถอนหมายจับ 'บอส อยู่วิทยา'

ทั้งนี้ การเพิกถอนหมายจับ เป็นอำนาจหน้าที่และดุลยพินิจของศาลที่อนุมัติการออกหมายจับดังกล่าว นั่นก็คือ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ได้อนุมัติหมายจับทายาทผู้ก่อตั้งเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดังใน 2 ข้อหาคือ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และข้อหาไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควร ทำให้นายวรยุทธ มีสถานะเป็น “ผู้ต้องหาหนีหมายจับของศาล” ด้วย

ศรีสุวรรณ เรียกร้องศาลยุติธรรม ระงับเพิกถอนหมายจับ บอส อยู่วิทยา ไว้ก่อน

คดีดังกล่าวถือได้ว่า เป็นคดีอาญาของแผ่นดิน เกี่ยวข้องกับความสงบเรียบร้อย และศีลธรรมอันดีของประชาชน การที่อัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องในข้อหาสำคัญดังกล่าว และตำรวจก็มิได้คัดค้านแต่อย่างใด การกระทำดังกล่าวของอัยการและตำรวจเจ้าของคดี จึงอาจเข้าข่ายความผิดทางวินัยและความผิดอาญา ซึ่งสมาคมฯจะนำความไปร้อง ป.ป.ช. เพื่อให้ไต่สวนและสอบสวนเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในสัปดาห์หน้าต่อไป

แต่สำหรับการอนุมัติการเพิกถอนหมายจับของศาลนั้น เป็นดุลยพินิจของศาลอาญากรุงเทพใต้ ดังนั้นเพื่อความยุติธรรม และเพื่อรักษาบรรทัดฐานทางกฎหมาย สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงใคร่ขอเรียกร้องไปยังศาลยุติธรรมดังกล่าว เพื่อขอให้ระงับการอนุมัติให้อัยการ เพิกถอนหมายจับดังกล่าวไว้ จนกว่าคดีนี้จะหมดอายุความในอีก 7 ปีข้างหน้า เพื่อรอเวลาว่า ณ วันหนึ่งภายใต้อายุความเมื่อ นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส เดินทางกลับมาภายในประเทศไทย ประชาชนที่พบเห็นสามารถแจ้งตำรวจให้สามารถดำเนินการจับกุมตัว เพื่อนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามครรลองของกฎหมาย ตามหลักนิติรัฐได้ต่อไป  

ก่อนหน้านี้ นายศรีสุวรรณ ออกมาระบุกล่าวด้วยว่า จากกรณีสำนักข่าวต่างประเทศรายงานอ้างคำสัมภาษณ์ของ ผกก.สน.ทองหล่อ ระบุว่า อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ทายาทกระทิงแดง ในทุกข้อกล่าวหา และพนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติศาลเพิกถอนหมายจับในคดีขับรถชนตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต เมื่อปี 2555 จนทำเอาชาวโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องดังกล่าว และล่าสุดวันนี้โฆษกและรองโฆษก สนง.ตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมาแถลงยืนยันว่าอัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องจริงนั้น

ศรีสุวรรณ เรียกร้องศาลยุติธรรม ระงับเพิกถอนหมายจับ บอส อยู่วิทยา

กรณีดังกล่าว มีข้อสงสัยอยู่ว่า อัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ ได้อย่างไร ในเมื่อคดีขับรถโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตาม ป.อ.มาตรา 291 มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปีปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่จะมีมีอายุความถึง 15 ปี โดยจะขาดอายุความในปี 2570 ซึ่งยังมีระยะเวลาอีกหลายปีที่ตำรวจจะต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อนำคนผิดมาลงโทษได้ การเพิกถอนหมายจับ จึงอาจเป็นการใช้อำนาจอย่างเลือกปฏิบัติ และทุจริตต่อหน้าที่ได้ ไม่เช่นนั้น ผู้ที่กระทำความผิดในลักษณะเดียวกัน หากหนีคดีได้เพียง 7-8 ปี ก็จักทำให้อัยการถอนหมายจับได้ทุกคดี ทุกกรณีเช่นนั้นหรือไม่ หรือเป็นดั่งข้อครหาของสังคมที่ว่า “คุกมีไว้ขังคนจน” เท่านั้น   หากเป็นเช่นนั้นจริงกระบวนการยุติธรรมไทย และระบบนิติรัฐ คงต้องปฏิรูปกันอย่างจริงจังเสียที

ร้องปปช.สอบสวนเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ในอดีตเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2560 ที่สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เคยยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ไต่สวนเอาผิด ผบ.ตร., ผบช.น., อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ อัยการเจ้าของสำนวนและพวก ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มาแล้ว ฐานปล่อยให้นายวรยุทธ อยู่วิทยา ผู้ต้องหาคดีอาญา ขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต และหลบหนีออกนอกประเทศ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอัยการละเลยปฏิบัติหน้าที่ โดยอาจประวิงเวลาให้คดีล่าช้า เพราะเจ้าหน้าที่สำนวนคดีมีการเลื่อนฟ้อง 5-6 ครั้งต่อศาล ทำให้นายวรยุทธหลบหนีไปต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเร่งดำเนินการจับผู้ร้ายข้ามแดนได้ แต่กลับโยนเรื่องกันไปมา จนคดีหมดอายุความไปแล้ว 4 ข้อหาคือ ขับรถขณะเมาสุรา ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ขับรถโดยประมาททำให้ทรัพย์สินเสียหาย และไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือ ส่วนคดีขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายกลับเร่งรีบมาดำเนินการถอนหมายจับ ทั้งๆ ที่ยังไม่หมดอายุความ

โดยที่ตำรวจก็มิได้คัดค้านแต่อย่างใด การกระทำดังกล่าว ของอัยการสูงสุด และตำรวจเจ้าของคดี จึงอาจเข้าข่ายความผิดทางวินัย และความผิดอาญาหรือไม่ สมาคมฯจึงจำต้องนำความไปร้อง ป.ป.ช. เพื่อให้ไต่สวน และสอบสวนเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ต่อไปสัปดาห์หน้า 

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight