ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (22 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จากการที่ตลาดเจอทั้งปัจจัยบวกจากความหวังในเรื่องมาตรการอัดฉีดเศรษฐกิจรอบใหม่ และปัจจัยลบ จากความตึงเครียดระหว่างจีน กับสหรัฐที่เพิ่มมากขึ้น
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมสหรัฐ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 26,926.60 จุด ขยับขึ้นมา 86.20 จุด หรือ 0.32% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 3,264.37 จุด ปรับขึ้น 7.07 จุด หรือ 0.22% และดัชนีแนสแด็ก ที่ 10,685.77 บวก 5.41 จุด หรือ 0.05%
ตลาดถูกกดดันจากปัจจัยความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐสั่งปิดสถานกงสุลจีน ที่เมืองฮิวสตันภายใน 72 ชั่วโมง ขณะที่จีนประกาศตอบโต้มาตรการดังกล่าว
นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ
อย่างไรก็ดี ดาวโจนส์ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ หลังมีรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐจะจ่ายเงินจำนวน 1,950 ล้านดอลลาร์ให้แก่ไฟเซอร์ เพื่อให้ผลิต และส่งมอบวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จำนวน 100 ล้านโดสให้แก่รัฐบาล หากวัคซีนดังกล่าวได้รับการรับรองว่ามีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ในมนุษย์
อมูลจาก Covid Tracking Project ระบุว่า สหรัฐมีผู้เสียชีวิตรายใหม่จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวนมากกว่า 1,000 รายเมื่อวานนี้ (21 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคมเป็นต้นมา โดยเท็กซัส และฟลอริดา มีตัวเลขเฉลี่ยผู้เสียชีวิตรายใหม่จากโควิด-19 จำนวนมากถึง 6 เท่าเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ เท็กซัส ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่มากกว่า 10,000 รายเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันเมื่อวานนี้ ขณะที่ฟลอริดามีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 11,000 รายเป็นวันที่ 8
ขณะเดียวกัน สหรัฐมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่มากกว่า 60,000 รายเมื่อวานนี้ แต่ต่ำกว่าเมื่อวันพฤหัสบดี และวันศุกร์ที่แล้วที่มีจำนวนมากกว่า 70,000 ราย
ขณะนี้ สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต โดยข้อมูลล่าสุดระบุว่า สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มากกว่า 4 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตเกือบ 145,000 ราย
นักลงทุนยังคงจับตาการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐ โดยบริษัทไมโครซอฟท์ และเทสลาจะเปิดเผยผลประกอบการหลังจากปิดตลาดหุ้นในวันนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเจรจาระหว่างทำเนียบขาว และสภาคองเกรส เกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ เนื่องจากโครงการช่วยเหลือคนว่างงานจะหมดอายุลงในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 2 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงต้นปีนี้ เพื่อเยียวยาภาคธุรกิจและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างไรก็ดี มาตรการจ่ายเงิน 600 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์สำหรับผู้ว่างงานจะสิ้นสุดลงในเดือนนี้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- จี20 เตือน ‘โควิด-19’ ทำเศรษฐกิจโลกหดตัวแรง เล็งขยายเวลาพักชำระหนี้ประเทศกำลังพัฒนา
- ธปท. หวั่นโควิดระบาดรอบสอง ซัดเศรษฐกิจไทยดิ่งสู่จุดต่ำสุดอีกรอบ
- เศรษฐกิจสหรัฐย่ำแย่หนัก ‘โกลด์แมน แซคส์’ ปรับคาดการณ์ทั้งปีหดตัว 4.6%