ยังไม่หมดหวัง! “ผู้ว่าฯ รถไฟ” เชื่อยังมีทางต่อสู้คดี “ค่าโง่โฮปเวลล์” ด้าน “ศักดิ์สยาม” ยังไม่คอมเม้นท์ ขอดูคำสั่งทางการก่อน
จากกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น ไม่รับคำขอให้พิจารณาคดีโฮปเวลล์ใหม่ ตามที่กระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ยื่นคำร้อง โดยอ้างว่ามีการรับฟังข้อเท็จจริงผิดพลาดและมีพยานหลักฐานใหม่อันอาจทำให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไปนั้น
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงประเด็นดังกล่าวว่า ศาลปกครองสูงสุดเพิ่งอ่านคำสั่งคดีโฮปเวลล์เมื่อบ่ายวันนี้ (22 ก.ค. 63) จึงยังไม่สามารถตอบได้ว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะต้องรอรายละเอียดของคำสั่งอย่างเป็นทางการก่อน จากนั้นจะให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาว่า ควรดำเนินการอย่างไรต่อไป
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมมีคณะทำงานทางกฎหมายเพื่อวางยุทธศาสตร์การต่อสู้คดีนี้ จึงต้องรอให้คณะทำงานฯ ได้พิจารณาเนื้อหาสาระในคำสั่งศาลก่อน
ทั้งนี้ ในส่วนของศาลปกครองสูงสุดถือว่าคดีสิ้นสุดแล้ว แต่เชื่อว่ายังมีโอกาสและช่องทางที่จะดำเนินการต่อสู้ผ่านศาลอื่นต่อไป โดยขณะนี้ยังมีคดีฟ้องร้องนายทะเบียนบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ฐานจดทะเบียนมิชอบ ในศาลปกครองกลางอีก 1 คดี
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า คำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดในครั้งนี้ เป็นการตัดสินไม่รับอุทธรณ์กรณีที่กระทรวงฯ ได้ยื่นหลักฐานใหม่ ข้อเท็จจริงใหม่เพื่อให้ศาลพิจารณา แต่ศาลอาจเล็งเห็นว่าข้อมูลหรือหลักฐานดังกล่าว ได้รับการพิจารณาไปแล้ว จึงมีการตัดสินไม่รับฟังคำร้อง ซึ่งก็ถือว่าสิ้นสุดขั้นตอนในการยื่นอุทธรณ์ส่วนของศาลปกครอง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคดีนี้มีมูลค่าความเสียหายที่รัฐต้องจ่ายชดเชยให้กับเอกชนเป็นจำนวนสูงกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท ดังนั้นจะต้องรอฟังนโยบายของรัฐบาลว่าจะมีการพิจารณาแนวทางดำเนินการหลังจากนี้ แต่สำหรับนโยบายของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ต้องการให้กระทรวงฯ และ การรถไฟฯ ต่อสู้คดีนี้ให้ถึงที่สุด เพราะยังพบว่ามีช่องว่างของการทำสัญญาที่ทำให้รัฐเสียเปรียบอยู่มาก
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เปิดคำสั่งศาลปกครองสูงสุด! จบมหากาพย์ ‘โฮปเวลล์’ เตรียมจ่ายค่าโง่
- ‘พาณิชย์’ ตอบแล้ว! ‘โฮปเวลล์’ จดทะเบียนถูกต้อง ‘ศักดิ์สยาม’ หาทางอื่นสู้คดีต่อ
- ชง ‘ดีเอสไอ’ รับ ‘โฮปเวลล์’ เป็นคดีพิเศษ โยน ‘รถไฟ’ จ่ายค่าโง่ 2.5 หมื่นล้านบาท