กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ต้องจ่ายเงินอัดฉีดให้ทัพนักกีฬาเอเชียนเกมส์ 2018 กว่า 279.65 ล้านบาท โดยทัพตะกร้อ รับเยอะที่สุด 108 ล้านบาท
ทัพนักกีฬาไทย คว้ามาได้ 11 เหรียญทอง 16 เหรียญเงิน และ 46 เหรียญทองแดง อยู่ที่ 12 และเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน เป็นรองแค่ “เจ้าภาพ” อินโดนีเซีย ที่โกยไปถึง 31 เหรียญทองในกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 18
นักกีฬาไทยจะได้รับเงินอัดฉีดจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ รวมกว่า 279.65 ล้านบาท ตามหลักเกณฑ์ เหรียญทองละ 2 ล้านบาท เหรียญเงินละ 1 ล้านบาท และ เหรียญทองแดงละ 5 แสนบาท ผู้ฝึกสอน 20% (กีฬาเกิน 7 คน 10% ) และ สมาคม 30% (ไม่เกิน 6 ล้านบาท)
สมาคมตะกร้อที่คว้าได้ถึง 4 เหรียญทองจากตะกร้อทีมชุดชาย-ทีมชุดหญิง ทีมคู่ชาย และ ทีม 4 คนหญิง รับเงินรางวัลทั้งสิ้น 78 ล้านบาท และเมื่อรวมกับเงินรางวัลของผู้ฝึกสอนและสมาคม 30 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 108 ล้านบาท
เงินอัดฉีดรายสมาคมประกอบด้วย
- เซปักตะกร้อ 4 เหรียญทอง108 ล้านบาท
- พาราไกลดิ้ง 2 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง 11.5 ล้านบาท
- จักรยาน 1ทอง 2 เงิน 3 ทองแดง 7.5 ล้านบาท
- กรีฑา 3 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง. 5.25 ล้านบาท
- เทควันโด 2 เหรียญทอง 2 เหรียญทองแดง 13.5 ล้านบาท
- เจ็ตสกี 1 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง 7.5 ล้านบาท
- วอลเลย์บอล 1 เหรียญเงิน 18 ล้านบาท
- มวยสากลสมัครเล่น 1 เหรียญเงิน 5 เหรียญทองแดง 5.25 ล้านบาท
- บริดจ์ 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง 10.5 ล้านบาท
- เรือพาย 8 ทองแดง 30.5 ล้านบาท
- ขี่ม้า 2 เหรียญทองแดง 6 ล้านบาท
- แบดมินตัน 1 เหรียญทองแดง 7 ล้านบาท
- บาสเกตบอล 1 เหรียญทองแดง 3 ล้านบาท
- ยูยิตสู 1 เหรียญทองแดง 7.5 แสนบาท
- ยูโด 2 เหรียญทองแดง 1.5 ล้านบาท
- กาบัดดี้ 1 เหรียญทองแดง 8.4 ล้านบาท
- คาราเต้ 1 เหรียญทองแดง 7.5 แสนบาท
- ปันจักสีลัต 2 เหรียญเงิน 5 เหรียญทองแดง 11.25 ล้านบาท
- เรือใบ-วินด์เซิร์ฟ 3 เหรียญทองแดง 3.75 ล้านบาท
- ยิงปืนเป้าบิน 1 เหรียญทอง 3 ล้านบาท
- ยิงปืน 1 เหรียญเงิน 1.5 ล้านบาท
- ยกน้ำหนัก 1 เหรียญเงิน 6 เหรียญทองแดง 5 ล้านบาท
- วูซู 1 เหรียญทองแดง 7.5 แสนบาท