Politics

โควิดทั่วโลก! คาดพรุ่งนี้ยอดติดเชื้อทะลุ 15 ล้านคน จับตาปลดล็อคเฟส 6

โควิดทั่วโลก! “หมอธีระ” คาดพรุ่งนี้ยอดติดเชื้อทะลุ 15 ล้านคน จับตาปลดล็อคเฟส 6 ย้ำ!! Travel bubbles เป็นความเสี่ยงระดับสูงสุด จับตาศึกใน – ศึกนอก

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ถึงสถานการณ์ โควิดทั่วโลก วันที่ 21 กรกฎาคม 2563 โดยระบุว่า สถานการณ์ทั่วโลก…COVID-19 เมื่อวานติดไปเพิ่มอีก 203,904 คน ยอดรวมตอนนี้ 14,806,408 คน คาดว่าพรุ่งนี้จะทะลุ 15 ล้าน

โควิดทั่วโลก21763

  • อเมริกา ติดเพิ่ม 63,586 คน รวมแล้ว 3,951,040 คน คาดว่าพรุ่งนี้จะทะลุ 4 ล้านคนเช่นกัน
  • บราซิล ดูจะติดเพิ่มน้อยลงกว่าเดิม 20,257 คน คาดว่าจะเป็นผลจากช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ แนวโน้มสัปดาห์ก่อนก็เป็นเช่นนี้พอวันธรรมดาจะพุ่งขึ้นมาอีก คงต้องรอดูว่าจะเป็นเช่นเดิมไหม ตอนนี้ยอดรวม 2,118,646 คน
  • อินเดีย ติดเพิ่ม 36,810 คน รวมแล้ว 1,154,917 คน
  • รัสเซีย ติดเพิ่ม 5,940 คน รวมแล้ว 777,486 คน
  • ขณะที่สเปน อิหร่าน ปากีสถาน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ยังไม่ดีขึ้น ติดกันเป็นหลักพัน
  • กลุ่มประเทศยุโรปทั้งหลายส่วนใหญ่ ติดกันหลักร้อย เช่นเดียวกับสิงคโปร์ และออสเตรเลีย

นอกจากนี้ ญี่ปุ่นก็น่าเป็นห่วงมาก พุ่งไปถึง 510 คนในวันเดียว ฮ่องกงก็ติดกันหลักร้อย โดยผู้ว่าการฯ ได้ออกมาบอกว่าคุมไม่อยู่ จนต้องหันมาให้มาตรการเข้มมากๆ มาเลเซีย เกาหลีใต้ และจีน ติดกันหลักสิบอย่างต่อเนื่อง

อย่างที่เคยวิเคราะห์ไปแล้วว่า เมืองไทยตอนนี้มีความเสี่ยงเยอะขึ้นทั้งศึกนอกและศึกใน

ศึกในที่จะต้องจับตาดูคือ การปลดล็อคระยะที่ 5 กิจการเสี่ยงสูงตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม บทเรียนของต่างประเทศชี้ให้เราเห็นว่ามักจะเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายใน 2 – 6 สัปดาห์ ดังนั้นเราอาจต้องช่วยกันสังเกต ระมัดระวังกันมากๆ ถึงกลางสิงหาคม

ในขณะเดียวกัน การชุมนุมที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อนเป็นสิ่งย้ำเตือนเราให้เห็นว่า มีความแออัดของผู้คน ตะโกนตะเบ็ง บางคนใส่หน้ากากบางคนไม่ใส่หน้ากากป้องกัน และมีการหยิบจับสิ่งของที่อาจใช้ร่วมกันได้ ดังนั้นจึงเป็นความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค…

และถือเป็นความเสี่ยงมากที่สุดสำหรับศึกใน เป็นโจทย์หลักที่รัฐจำเป็นต้องหาทางจัดการไม่ให้เกิดขึ้นอีก

ศึกนอกนั้น เราดันทยอยปลดล็อคให้ 11 กลุ่มเป้าหมายเดินทางจากต่างประเทศเข้ามาด้วย นี่จะเป็นการบ้านหนักมากๆ เพราะเท่าที่ทราบมา ยังไม่มีประเทศใดที่รอดจากการระบาดระลอกสองได้หากเปิดรับต่างชาติเข้ามา

ซึ่งอาจอธิบายได้ด้วยหลายเหตุผล เช่น ระบบการคัดกรอง กักตัว และติดตามของประเทศอาจไม่สมบูรณ์ วิธีการตรวจคัดกรองที่มีอยู่นั้นไม่ได้การันตีผล 100% จะมีโอกาสหลุดได้ รวมถึงแนวทางการปฏิบัติอาจไม่มีประสิทธิภาพ

ดังนั้น เราจึงเห็นเหตุการณ์ของ “ระยอง” และ “กรุงเทพมหานคร” เกิดขึ้นมาในช่วงประมาณ 2 สัปดาห์หลังประกาศปลดล็อค เกิดผลกระทบมากมาย แต่ยังโชคดีที่จัดการแก้ไขสถานการณ์ได้ แต่จะต้องติดตามดูไปจนถึงปลายเดือนกรกฎาคมว่า จะมีการติดเชื้อเกิดขึ้นภายในประเทศหรือไม่

ข่าวล่าสุดที่ออกมา คือ ศบค. กำลังจะพิจารณาแผนการปลดล็อคระยะที่ 6 ซึ่งครอบคลุมถึงแรงงานต่างด้าว 3 ประเทศ รวมถึงคนต่างชาติมาถ่ายทำภาพยนตร์ จัดงานแสดงสินค้า ผู้ป่วยต่างชาติและญาติที่จะเข้ามารักษาตัวในไทย… กลุ่มเหล่านี้ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐจะต้องมีกลไกที่ดำเนินการคัดกรอง กักตัว และติดตามอย่างเคร่งครัด

ระลึกไว้เสมอว่า การคัดกรองนั้นเชื่อใจต้นทางไม่ได้ ต้องทำเอง และวิธีที่เรามีกันอยู่นั้นมีโอกาสหลุดได้ คำนวณคร่าวๆ หากเข้ามา 30,000 คน มีโอกาสที่จะมีคนติดเชื้อ 150 คน (หากคิดจากอัตราตรวจพบ 0.5%) และจะมีโอกาสตรวจเจอผลลบ หลุดรอดได้ราว 20 คน ดังนั้นการกักตัวเพื่อสังเกตอาการและตรวจซ้ำ รวมถึงการติดตามจึงจำเป็นอย่างยิ่ง

โควิดทั่วโลก

สุดท้าย คือ ฟองสบู่ท่องเที่ยว หรือ Travel bubbles ที่จะมุ่งทำเงินจากการนำนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามานั้น เป็นความเสี่ยงระดับสูงสุด สถานการณ์ปัจจุบันมีการระบาดทั่วโลกรุนแรง จำเป็นต้องวางเรื่องนี้ไว้บนหิ้งไปอีกอย่างน้อย 6 เดือน แล้วค่อยมาประเมินสถานการณ์อีกทีครับ

ชอบที่ทางโฆษก ศบค. กล่าวเมื่อวานตอนหนึ่งว่า “วันนี้ทุกคนต่างกลัวสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจทรุดไปทั้งโลก ดังนั้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจวิถีใหม่จะพึ่งกระแสการท่องเที่ยวจากต่างประเทศอย่างเดียวไม่ได้ เพราะชัดเจนแล้วว่าเราเองก็ไม่อยากให้เขาเข้า เขาเองก็ไม่อยากจะเดินทาง ฉะนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นต้องเป็นวิถีใหม่อื่นๆ ที่เราจะคิดและทำกัน”

ประเทศไทยจำเป็นต้องหาทางสร้างรายได้จากวิธีอื่นๆ แทนที่จะมาพึ่งจากนักท่องเที่ยวต่างชาติครับ ตราบใดที่โรค COVID-19 นี้ยังไม่มียารักษามาตรฐาน ไม่มีวัคซีนป้องกัน

ประเทศไทยต้องทำได้
ด้วยรักต่อทุกคน
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
21 กรกฎาคม 2563

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK