The Bangkok Insight

‘วอชิงตัน’ ระงับคลายล็อกดาวน์ ‘ผู้ว่าฯ โอกลาโฮมา’ ติดเชื้อโควิด-19

สถานการณ์ โควิด-19 สหรัฐ ยังไม่ดีขึ้น ล่าสุด “รัฐวอชิงตัน” ประกาศระงับการเดินหน้าผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ อย่างน้อยจนถึงวันที่ 28 กรกฎาคมนี้ ขณะที่ “รัฐโอกลาโอมา” ผู้ว่าการรัฐ ออกมาเปิดเผยว่า ตัวเองติดเชื้อไวรัสโควิด-19 กลายเป็นผู้ว่าการรัฐคนแรกของสหรัฐ ที่ติดโควิด 

นายเจย์ อินส์ลี ผู้ว่าการรัฐวอชิงตัน สหรัฐ เปิดเผยว่า  หลายเมืองในรัฐวอชิงตัน ตัดสินใจที่จะระงับการผ่อนคลายมาตรการควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในระยะต่อไปเอาไว้ก่อน อย่างน้อยจนถึงวันที่ 28 กรกฎาคมนี้ หลังจากที่ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายในรัฐเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โควิด-19 สหรัฐ

“รัฐวอชิงตัน จะหยุดการเปิดเมืองไว้ที่ระยะปัจจุบัน จนกว่าจะสามารถกลับมารับมือ การเดินหน้าเพื่อเปิดเมืองระยะถัดไปได้อีกครั้ง”

ผู้ว่าการรัฐวอชิงตัน เตือนด้วยว่า หากตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ยังคงพุ่งต่อเนื่อง เขาอาจต้องลดระดับความพยายามในการทยอยเปิดเมืองบางส่วน ที่ได้เตรียมดำเนินการมาในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเอาไว้ก่อน

พร้อมกันนี้ ยังได้เรียกร้องให้ประชาชนเคร่งครัดในการสวมหน้ากากอนามัย และเว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  โดยนับถึงเมื่อวานนี้ (15 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น รัฐวอชิงตันรายงานการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 773 คน ทำให้มียอดสะสมผู้ติดเชื้อภายในรัฐที่ 44,350 คน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 21 ราย ส่งผลให้ยอดสะสมผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายในรัฐอยู่ที่ 1,425 ราย

โควิด-19 สหรัฐ ป้องกันได้ด้วยหน้ากากอนามัย 

ท่าทีดังกล่าวของอินส์ลี ยังสอดคล้องกับ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ของสหรัฐ ที่ออกมาเรียกร้องให้ชาวอเมริกันทุกคนสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19

โรเบิร์ต เรดฟิลด์ ผู้อำนวยการซีดีซี  ระบุว่า หน้ากากผ้าเป็นหนึ่งในอาวุธสุดทรงพลัง ที่ใช้ชะลอ และหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ โดยเฉพาะเมื่อคนในชุมชนใช้กันทุกคน ชาวอเมริกันล้วนมีความรับผิดชอบในการปกป้องตนเอง ครอบครัว และชุมชนของตน

แถลการณ์ดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐสวมหน้ากากอนามัยออกมาในที่สาธารณะเป็นครั้งแรก ขณะเดินทางเยือนโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในรัฐแมรีแลนด์ หลังช่วงหลายเดือนก่อนหน้านี้ ทรัมป์ และเจ้าหน้าที่รัฐบาลระดับอาวุโสบางส่วน ถูกวิพากษ์วิจารณ์เนื่องจากไม่เต็มใจ ที่จะแนะนำประชาชนให้สวมหน้ากาก

ผู้ว่าฯ โอกลาโฮมา ติดโควิด

ทางด้านนายเควิน สติต ผู้ว่าการรัฐโอกลาโฮมาของสหรัฐ  ออกมาเปิดเผยว่า เขามีผลทดสอบโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นบวก สถานการณ์ที่ทำให้ สติต กลายเป็นผู้ว่าการรัฐคนแรกที่ออกมายืนยันการติดเชื้อต่อสาธารณชน นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดในประเทศ

“ผมเข้าทดสอบหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อวานนี้ และผลลัพธ์ออกมาเป็นบวก ผมรู้สึกสบายดี มีอาการปวดร่างกายเล็กน้อยเมื่อวานนี้”

get 60 4
เควิน สติต

สื่อท้องถิ่นรายงานว่าสติตต์เป็นผู้นำการประชุมคณะกรรมาธิการสำนักงานที่ดินเมื่อวันอังคาร (14 ก.ค.) เขาปล่อยให้หน้ากากอนามัยตกอยู่บริเวณคอ แทนที่จะปิดปาก ในระหว่างเป็นเจ้าภาพการประชุม และตอบคำถามของผู้สื่อข่าวหลังจากนั้น

แม้ว่าจะติดเชื้อไวรัส แต่สติตคิดว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ในรัฐอีกครั้ง โดยเขาระบุว่า การย้อนกลับไป และขังตัวเองในบ้าน ไม่ได้ทำให้ไวรัสหายไปได้  อีกทั้งเขายังไม่สนใจที่จะเลื่อนการเปิดธุรกิจในรัฐออกไป และเห็นว่า ยังเร็วเกินไปที่จะคิดเรื่องการชะลอตัว หรือย้อนกลับไปใช้มาตรการเดิม

ทั้งนี้ รัฐโอกลาโฮมามีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่ประธานาธิบดีทรัมป์ จัดกิจกรรมหาเสียงที่เมืองทัลซา เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งสติตก็เข้าร่วมด้วย โดยนับถึงเมื่อวานนี้ กรมสาธารณสุขของรัฐโอกลาโฮมา ว่า มีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ เพิ่มขึ้น 1,075 คน ทำให้มียอดสะสมผู้ติดเชื้อภายในรัฐที่ 22,813 คน และมียอดรวมผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 432 ราย เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 4 ราย

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงในท้องถิ่นกล่าวว่า ยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในทัลซา อาจเชื่อมโยงกับกิจกรรมหาเสียงของทรัมป์ รวมถึงการประท้วงต่อต้านที่เกิดขึ้นในเวลานั้น

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บรูซ ดาร์ต กรรมการบริหารสำนักสาธารณสุข เมืองทัลซา ระบุว่า ทัลซามีผู้ป่วยติดเชือ้ไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นเกือบ 500 ราย ในเวลาเพียงแค่ 2 วัน  ซึ่งเขาคิดว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานใหญ่หลายงาน ที่จัดขึ้นภายในเมืองเมื่อช่วง 2 สัปดาห์ก่อน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo