Politics

‘อุตตม’ เข้าเก็บของที่คลังแล้ว! ยันไม่มีใครกดดันให้ลาออก

“อุตตม” เข้าเก็บของที่กระทรวงการคลังแล้ว! พร้อมโพสต์เฟซบุ๊กยืนยัน ตัดสินใจลาออกด้วยตัวเอง ไร้แรงกดดัน หวัง “บิ๊กตู่” ไม่ต้องเผชิญกับความกดดันทางการเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กระทรวงการคลัง นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว ระหว่างที่เข้ามาเก็บของ ที่กระทรวงการคลัง หลังยื่นหนังสือลาออกว่า ที่ผ่านมา คงเป็นเรื่องของทางสังคม ที่จะเป็นผู้ได้รับทราบ ได้พิจารณาว่า กระทรวงการคลัง ทำงานอย่างไร ในส่วนของผมเอง ไม่ถือว่า เป็นผลงานของผมเลย ต้องถือว่า เป็นผลงานร่วมของทุก ๆ คนที่ กระทรวงการคลัง

อุตตม

นายอุตตม กล่าวอีกว่า ผมทำงานกับท่านผู้บริหาร เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังมาตลอด ถือว่าเราได้ทำอย่างเต็มที่ ได้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน ทั้งหมดได้ปรากฏออกมาตามที่ได้เห็นกัน โดยหลังจากนี้ยังไม่ได้คิดเรื่องการเมืองต่อ อยากขอพักผ่อนก่อนนิดนึง

“เชื่อมั่นในพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าจะมีทีมด้านเศรษฐกิจที่มีความสามารถในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนได้ โดยส่วนตัวหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น และเชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้นด้วย” นายอุตตม กล่าว

อย่างไรก็ตาม อยากขอฝากฝ่ายข้าราชการของกระทรวงการคลังว่า ทุกท่านได้ทำงานหนักมาโดยตลอดอย่างที่ได้เห็น โดยเฉพาะในภาวะที่เศรษฐกิจบ้านเมืองถูกกระทบ เศรษฐกิจโลกก็ยังมาเจอวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านให้ทำงานต่อไปอย่างเข้มแข็ง เพื่อประชาชน เพื่อสังคม

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในช่วงรอยต่อทางการเมือง เป็นห่วงอะไรมากที่สุด นายอุตตม ระบุว่า คงไม่สามารถลงรายละเอียดได้ ส่วนนโยบายต่างๆ ที่ได้เคยทำมา คงเป็นเรื่องของรัฐมนตรีคนใหม่ที่จะมาทำงานต่อจะเป็นผู้พิจารณา ผมคงไม่ได้ไปพูดว่าจะให้ทำต่อหรือไม่ อย่างไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด นายอุตตม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ดร.อุตตม สาวนายน โดยระบุว่า สวัสดีครับ ทุกท่านคงทราบข่าวแล้วว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ผมได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึงท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา

อุตตม

ซึ่งก็มีหลายคำถามเกิดขึ้นในสังคม ผมจึงขออนุญาตบอกกล่าวถึงการตัดสินใจครั้งนี้ต่อทุกท่านอีกครั้ง ยืนยันว่า การลาออกจากตำแหน่งในรัฐบาลของผม เป็นการตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่มีแรงกดดันใดๆอยู่เหนือการตัดสินใจครั้งนี้

ส่วนสาเหตุที่ทำให้ตัดสินใจลาออก เนื่องจากผมอยากเห็นการทำงานของรัฐบาล ภายใต้การนำของท่านนายกรัฐมนตรี เดินหน้าอย่างเต็มที่ โดยไม่มีอะไรติดขัด และท่านนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ต้องเผชิญกับความกดดันทางการเมือง เนื่องจากการบริหารบ้านเมืองในวันนี้มีความหนักหน่วงมากอยู่แล้ว

สำหรับคำถามเกี่ยวกับอนาคตของผมนั้น ยังคงยืนยันตามที่เคยเรียนทุกท่านไปว่า ไม่ว่าจะสวมหมวกใบใด ก็สามารถทำงานเพื่อบ้านเมืองได้ จึงคิดว่าหลังจากนี้จะไปทำงานเกี่ยวกับกิจกรรมเพื่อสังคม

ผมขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรีเป็นอย่างสูง ที่ไว้วางใจให้ผมทำงานเพื่อบ้านเมืองตลอดเกือบ 5 ปีที่ผ่านมา

ขอขอบคุณ ข้าราชการ พนักงาน ผู้บริหาร ทั้งหน่วยงานองค์กรในสังกัดและนอกสังกัดกระทรวงการคลัง ที่ร่วมกันทุ่มเททำงานเพื่อพี่น้องประชาชนตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ผมได้เห็นทั้งความเหน็ดเหนื่อย เห็นรอยยิ้มเมื่องานประสบความสำเร็จ ซึ่งนั้นเป็นแรงผลักดันสำคัญ ในการทำงานของผมด้วยเช่นกัน

ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกท่านอีกครั้ง ที่ให้โอกาสผมทำงานรับใช้ ถือเป็นสิ่งล้ำค่าที่ผมได้รับ และผมจะรักษาไว้ตลอดไป ขอบคุณครับ

ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีการลาออกของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจในสังกัด ยื่นลาออกว่า รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และที่ผ่านมาได้พูดคุยกับนายสมคิดเป็นระยะ ในเรื่องของสุขภาพ ซึ่งนายสมคิด บอกมานานแล้วว่า พร้อมที่จะทำตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

“ยืนยันว่า ตนเองไม่มีอะไรกับนายสมคิด และยังเคารพนายสมคิดเหมือนเดิม ในฐานะที่เป็นทหารเวลาทำงานกับใครก็จะมีความผูกพัน และนายสมคิดก็ถือว่าทำงานมาด้วยกัน 5 ปีสำเร็จงานในขั้นต้นแล้ว ในการวางพื้นฐาน ทั้งเรื่องดิจิทัล การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ และยังได้ร่วมงานกับอีก 3 รัฐมนตรี ในการวางพื้นฐานการพัฒนาต่าง ๆ ไว้ และยอมรับว่าเสียดายทั้งหมด” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ด้วยความสำคัญทางการเมือง แม้ตนเองจะไม่คุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้ แต่ต้องตัดสินใจ และจากกันด้วยดี เพราะไม่มีการให้ร้ายต่อกัน และจากเหตุดังกล่าว ส่งผลให้ปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เร็วขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 เสร็จสิ้น

“มีคนทำงานอยู่แล้ว แต่เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างนาน โดยต้องปรับให้เร็วเท่าที่จะทำได้ ซึ่งต้องไปถามบุคคลที่อยากให้เป็นว่าจะรับตำแหน่งหรือไม่ ซึ่งตอนนี้บุคคลที่ทาบทามไปยังไม่ตอบชัดเจน ยืนยันว่า มีคนนอกเข้ามาแน่นอน และยอมรับว่า การปรับ ครม. ตนเองมีความกดดัน เพราะไม่คุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้ แต่มีความจำเป็นต้องทำเพราะเป็นนายกฯ เป็นนักการเมืองแล้ว” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยการว่า การปรับ ครม. จะให้ถูกใจทุกคนคงเป็นไปไม่ได้ ประเด็นสำคัญคือ คนที่อยากให้มารับตำแหน่ง จะรับหรือไม่ เพราะบางคนมีภารกิจอยู่แล้ว แม้กระทั่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่ลาออกไปก็มีงานนอกอยู่ ส่วนรายชื่อบุคคลที่อยู่บนหน้าสื่อ ที่จะมารับตำแหน่งรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เช่น นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีต รมช.คมนาคม นั้น นายกฯ กล่าวว่า แล้วนายไพรินทร์มีปัญหาอะไรหรือไม่

ส่วนที่มีข่าวว่า แกนนำพรรคพลังประชารัฐคัดค้าน โดยเห็นว่า ควรจะเลือกคนในพรรคนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ให้ไปถามหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

อย่างไรก็ตาม เรื่องตัวบุคคลที่จะมาเป็นรัฐมนตรีจะพิจารณาด้วยตนเอง พร้อมกับย้ำว่า การปรับ ครม. จะทำให้ดีที่สุด และมั่นใจในตนเอง ไม่มีปัญหา และการปรับ ครม. ไม่เกินเดือนหน้านี้เห็นโฉม ครม. ใหม่

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo