Telecommunications

หัวเว่ยเปิดตัวชิปเอไอรุ่นล่า Kirin 980 ผลิตบนเทคโนโลยี 7 นาโนเมตร

huawei kirin 980
ชิปคิริน 980 จากหัวเว่ย

หัวเว่ย (Huawei) ประกาศเปิดตัวชิปสำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด คิริน 980 ที่พัฒนาบนเทคโนโลยี 7 นาโนเมตร และสามารถประมวลผลแอพพลิเคชันที่ใช้เอไอได้ดีกว่าชิปรุ่นก่อนหน้าถึงสองเท่า

โดยการเปิดตัวครั้งนี้มีขึ้นที่งาน IFA Trade Show ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี กับการนำชิประดับพรีเมียมอย่าง คิริน 980 ที่พัฒนาบนกระบวนการผลิตแบบ 7 นาโนเมตร โดยมาพร้อมชิปประมวลผล ชิปกราฟิก เมมโมรี่ ฯลฯ รวมอยู่บนชิปเพียงชิ้นเดียว (System on a chip : SoC)

ผู้ผลิตชิปดังกล่าวให้กับหัวเว่ยก็คือ Taiwan Semiconductor Manufacturing Company หรือ TSMC ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้รับผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดในโลก และสถาปัตยกรรมการผลิต 7 นาโนเมตรนี้ก็ถูกใช้ในการผลิตชิป A12 ของแอปเปิลด้วยเช่นกัน และมีการคาดการณ์กันว่า ชิป A12 นั้นจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 กันยายนนี้ในอีเวนท์ยักษ์ใหญ่ของแอปเปิลด้วย

ขณะที่ฝั่งของซัมซุง ซึ่งมีโรงงานผลิตชิปของตัวเองนั้น ก็เคยประกาศออกมาแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคมว่า แผนการผลิตชิป 7 นาโนเมตรของบริษัทคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในครึ่งปีแรกของปีหน้า ซึ่งเท่ากับว่าบริษัทตามหลังหัวเว่ยกับแอปเปิลอยู่ในขณะนี้

แม้ทางฟากของแอปเปิลจะยังไม่มีความชัดเจนเรื่องประสิทธิภาพของชิป แต่สำหรับคิริน 980 นั้น หัวเว่ยระบุว่า สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อีก 20% อีกทั้งยังประหยัดพลังงานได้มากกว่าเดิม 40%

นอกจากนั้นยังมาพร้อม Neural Processing Units (NPU) ถึงสองตัว เพื่อให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอพพลิเคชันสำหรับงานด้านเอไอได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยหัวเว่ยได้ยกตัวอย่างการทำงานของชิปที่มี NPU 2 ตัวว่า สามารถวิเคราะห์ภาพถ่ายได้ถึง 4,500 ภาพต่อนาที ซึ่งทำได้ดีกว่าชิปคิริน 970 เคยทำได้เมื่อในอดีตถึง 120%

ส่วนการใช้งานชิปคิริน 980 นั้นคาดว่าจะถูกนำไปติดตั้งในสมาร์ทโฟนเรือธงของหัวเว่ย เช่น ตระกูล P และตระกูล Mate ซึ่งอาจรวมถึงแบรนด์น้องอย่างออเนอร์ด้วย

ตัวเลขจาก Bernstein Research ยังพบว่า ปัจจุบัน จีนเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนมากกว่า 90% ของสมาร์ทโฟนที่ใช้กันทั่วโลก นอกจากนั้นยังผลิตคอมพิวเตอร์พีซีอีก 65% และทีวีอัจฉริยะอีก 67% ของตัวเลขการผลิตทั่วโลก ซึ่งตัวเลขดังกล่าวทำให้จีนต้องนำเข้า “ชิป” จากต่างชาติเป็นจำนวนมาก โดยตัวเลขการนำเข้าชิปของจีนเมื่อปี 2560 นั้นพบว่ามีมูลค่าถึง 2.6 แสนล้านดอลลาร์ (ปี 2556 เคยมีมูลค่าราว 2 แสนล้านดอลลาร์เท่านั้น)

ในจุดนี้ การที่จีนสามารถพัฒนาเทคโนโลยีชิปประมวลผลของตัวเองได้ในระดับนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยลดการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างชาติได้อย่างมีนัยสำคัญ

Avatar photo