World News

‘ทรัมป์’ ลงนาม ‘คำสั่งประธานาธิบดี’ ยุติสิทธิพิเศษ ‘ฮ่องกง’

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ แสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อจีนอีกครั้ง ลงนามในร่างกฎหมาย และคำสั่งประธานาธิบดี เพื่อลงโทษจีน ที่บังคับใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ต่อฮ่องกง ที่ช่วยให้รัฐบาลปักกิ่ง มีอำนาจควบคุมเขตปกครองตนเองแห่งนี้มากขึ้น

โดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า เขาได้ลงนามในร่างกฎหมาย ที่ผ่านการเห็นชอบจากสภาคองเกรส ซึ่งกำหนดให้ลงโทษธนาคารต่างๆ ที่ทำธุรกิจกับเจ้าหน้าที่จีน ที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่กับฮ่องกง

โดนัลด์ ทรัมป์

เขาบอกด้วยว่า นอกจากร่างกฎหมายดังกล่าวแล้ว ยังได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี ยุติการให้สิทธิพิเศษทางการค้ากับฮ่องกง การเคลื่อนไหวที่มีเป้าหมายเพื่อลงโทษพฤติกรรมของจีน ที่เขาเรียกว่าเป็นการ “กดขี่” ฮ่องกง

“ไม่มีสิทธิพิเศษใดๆ ไม่มีการปฏิบัติอย่างเป็นพิเศษในด้านเศรษฐกิจ และไม่มีการส่งออกเทคโนโลยีที่มีความอ่อนไหว จากนี้ไป ฮ่องกงจะได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกับจีนแผ่นดินใหญ่” ผู้นำสหรัฐ ประกาศ

ขณะข้อมูลจากเอกสารของ ทำเนียบขาว แสดงให้เห็นว่า การลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีนั้น ยังครอบคลุมถึง การถอนสิทธิพิเศษของผู้ถือหนังสือเดินทางฮ่องกงด้วย

ทั้ง โดนัลด์ ทรัมป์ และนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ต่างกล่าวโทษจีน ในเรื่องการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทั้งยังวิจารณ์แดนมังกรต่อการกวาดล้างการเคลื่อนไหวในฮ่องกง

ที่ผ่านมา สหรัฐ และฮ่องกง มีมูลค่าการค้าระหว่างกันมูลค่ากว่า 66,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อปี 2561 และฮ่องกงได้สิทธิพิเศษในการงดเว้นภาษี ในระหว่างที่สงครามการค้าระหว่างจีน และสหรัฐดำเนินมาจนถึงขณะนี้

ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศ จีน ออกแถลงการณ์ในวันนี้ (15 ก.ค.) ว่า รัฐบาลจีน จะใช้มาตรการคว่ำบาตร เพื่อตอบโต้องค์กร และบุคลากรของสหรัฐ หลังจากทรัมป์ ลงนามบังคับใช้กฎหมาย การคว่ำบาตรจีน และลงนามในคำสั่ง ของฝ่ายบริหาร เพื่อยุติการให้สถานะพิเศษ แก่ฮ่องกงด้วย

แถลงการณ์บอกด้วยว่า รัฐบาลจีนจะเดินหน้าคัดค้าน การกระทำของสหรัฐอย่างเต็มที่ พร้อมเตือนให้สหรัฐ หยุดแทรกแซงกิจการภายใน ของจีน

เปิดรายละเอียด กฎหมายความมั่นคง ฮ่องกง

กฎหมายความมั่นคง แห่งชาติฉบับใหม่ ที่จีนบังคับใช้กับฮ่องกงนั้น ประกอบด้วย 6 หมวด และ 66 มาตรา เริ่มมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยมีผลต่อพลเมืองฮ่องกงทั้งแบบถาวร และไม่ถาวร

รายงานข่าวระบุว่า กฎหมายฉบับนี้ จะช่วยให้จีนทำลายกำแพงที่ขวางกั้น ระหว่างระบบตุลาการ อันเป็นอิสระของฮ่องกง กับศาลที่พรรคคอมมิวนิสต์ควบคุม ในแผ่นดินใหญ่ ลง โดยจีนจะจัดตั้งสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง บริหารงานโดยเจ้าหน้าที่ ที่ไม่ถูกผูดมัดด้วยกฎหมายท้องถิ่น ทำหน้าที่เก็บข้อมูลข่าวกรอง และดูแลคดีอาชญากรรม ต่อความมั่นคงของชาติ

ขณะเดียวกัน ฮ่องกงจะต้องตั้งคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติของตัวเองขึ้นมา เพื่อบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ โดยมีผู้ที่รัฐบาลปักกิ่งแต่งตั้ง เป็นที่ปรึกษา ส่วนนางแคร์รี หลำ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารเกาะฮ่องกง จะอำนาจแต่งตั้งผู้พิพากษาเพื่อพิจารณาคดีเกี่ยวกับความมั่นคง

กฎหมายกำหนด 3 กรณี ที่อนุญาตให้จีนเข้ามาควบคุมการดำเนินคดีของฮ่องกงได้ คือ คดีที่มีการแทรกแซงจากต่างชาติ, คดีที่มีความร้ายแรงสูงมาก และเมื่อความมั่นคงของชาติ เผชิญกับภัยคุกคามอย่างรุนแรง และจริงจัง โดยที่สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ และฮ่องกง สามารถส่งคำร้องขอส่งต่อคดี ไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งคดีจะได้รับการดูแล โดยสำนักงานอัยการประชาชนสูงสุด และการไต่สวนจะเกิดขึ้น ในศาลประชาชนสูงสุด

ส่วนคดีเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งชาติ ที่มีข้อมูลความลับของชาติ อาจถูกพิจารณาคดีอย่างเป็นความลับ ในฮ่องกง โดยไม่มีคณะลูกขุน แต่คำตัดสิน และคำพิพากษา จะถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะ

ควบคุมการประท้วงเบ็ดเสร็จ

กฎหมายยังกำหนดว่า “ไม่ว่าจะมีการใช้ความรุนแรง ในรูปแบบใด หรือการข่มขู่ ใช้ความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น ผู้นำ หรือ ผู้ก่อความผิดร้ายแรง จะต้องโทษ จำคุกตลอดชีวิต หรือขั้นต่ำคือ จำคุก 10 ปี” หมายความว่า ผู้ที่ออกมาประท้วง ด้วยความรุนแรง เหมือนที่เกิดขึ้นเมื่อปีก่อน จะถูกลงโทษอย่างหนัก

ส่วนผู้ที่ทำลายอาคารรัฐบาล และสิ่งสาธารณูปโภค จะถือว่ามีความผิดฐาน “บ่อนทำลาย” การสร้างความเสียหาย ต่อภาคการขนส่งสาธารณะ และการวางเพลิง จะถือเป็นพฤติกรรม “ก่อการร้าย” และใครก็ตาม ที่เข้าร่วมกับกิจกรรม การแบ่งแยกดินแดน ไม่ว่าจะเป็นผู้จัด หรือผู้เข้าร่วม จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่ว่าจะมีการใช้ความรุนแรง หรือไม่ก็ตาม

กฎหมายความมั่นคงฉบับนี้ จะไม่มีการลงโทษย้อนหลัง สำหรับความผิด ที่เกิดขึ้นก่อนกฎหมายบังคับใช้ โดยยังมีข้อกำหนดย่อยๆ อีกหลายอย่าง เช่น บริษัท หรือกลุ่มองค์กรใด ที่ละเมิดกฎหมายความมั่นคง จะถูกปรับ หรืออาจถึงขั้น ระงับการปฏิบัติการ

ผู้ที่ถูกตัดสินว่าละเมิดกฎหมายความมั่นคง จะไม่สามารถใช้สิทธิ์เลือกตั้งในฮ่องกงได้ และทางการสามารถสอดแนม หรือดักฟังโทรศัพท์ ผู้ต้องสงสัย ที่อาจเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติได้

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo