Politics

‘หมอธีระ’ โพสต์สะกิด ‘บิ๊กตู่’ ใช้คนที่เหมาะสมแก้วิกฤติ ‘โควิด’

หมอธีระ โพสต์สะกิด “นายกรัฐมนตรี” ถามทำไมถึงเกิดปรากฏการณ์สองมาตรฐาน รณรงค์ให้ทุกคนในประเทศป้องกันตัวเต็มที่ แต่คนบางกลุ่มกลับไม่ทำ

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “Thira Woratanarat” ถึงนายกรัฐมนตรี ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยระบุว่า กราบเรียนท่านนายกรัฐมนตรี ศบค. และสมช.

ความศรัทธา ความเชื่อมั่น…คือสิ่งที่ทำให้เราทุกคนรอดจากการระบาดระลอกแรก ปลอดภัยจนถึงปัจจุบัน เราฉุดการระบาดที่คาดว่าจะกระจายไป 350,000 คน มาเหลือ 3,220 คนในวันนี้…

หมอธีระ

เพราะการตัดสินใจดำเนินการล็อคดาวน์ได้ทันเวลา ในขณะที่จำนวนเคสสะสมยังไม่เกิน 1,000 คน ตามที่โรงเรียนแพทย์ได้เรียนนำเสนอที่ทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 19 มีนาคม 2563

หากไม่ทำตั้งแต่ตอนนั้น เราก็คงไม่ได้เป็นดังเช่นวันนี้

ผมเชื่อว่า ท่านทราบดีว่าวิกฤติที่ผ่านมานั้นเกิดจากอะไร?

เหตุใดจึงเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เกิดนโยบายปิดกั้นนักท่องเที่ยวตั้งแต่ช่วงแรก?

เหตุใดจึงเกิดปรากฏการณ์เชียร์แข่งรถในขณะที่มีโรคระบาด ทั้งๆ ที่ไม่มีตำราวิชาการแพทย์ สาธารณสุข หรือใดๆ ที่จะแนะนำให้ทำเช่นนั้น?

เหตุใดจึงเกิดปรากฏการณ์หน้ากากล่องหน หวัดธรรมดา หักหัวคิวโรงแรม ยาเสพติดรักษาสารพัดโรคไม่เว้นแม้แต่โควิด?

เหตุใดจึงเกิดปรากฏการณ์สองมาตรฐาน รณรงค์ให้ทุกคนในประเทศป้องกันตัวเต็มที่ แต่มีบางกลุ่มบางพวกที่ไปออกงานกับชาวต่างชาติแล้วไม่ใส่หน้ากาก ไม่เว้นระยะห่าง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ศรัทธาของประชาชนอย่างมาก?

เหตุใดจึงมีการชงมาตรการการปลดล็อคที่กำลังดำเนินไปด้วยดีในระยะต้นๆ แต่ต้องมาปลดล็อคกิจการเสี่ยงสูงภายในประเทศไปพร้อมกับแง้มประตูประเทศ เพื่อเปิดรับต่างชาติหลากหลายกลุ่ม พ่วงไปกับมาตรการหาเงินเข้าประเทศจากการนำผู้ป่วยต่างชาติ…

ถือเป็นการเปิดทั้ง “ศึกนอกและศึกใน” ที่หนักหนาทั้งคู่ และควบคุมได้ยากไปพร้อมกัน โดยผมเชื่อว่าไม่มีตำราพิชัยสงครามใดสนับสนุนให้ทำแบบนั้น?

หมอธีระ
Travel bubble

ที่น่าเจ็บใจ คือ การชงมาตรการฟองสบู่ท่องเที่ยว ที่ใช้แนวคิดแบบ “ฉันเชื่อใจเธอ เธอเชื่อใจฉัน เราจะไม่กักกัน” หวังจะผลักดันให้เปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา หาเงินเข้าประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์ระบาดรุนแรงทั่วโลก ที่วันนี้ทะลุ 13 ล้านคนไปแล้ว ตายไปเกินครึ่งล้าน และอัตราการติดเชื้อเพิ่ม 1 ล้านคนในทุกๆ 5 วัน…

สถานการณ์แบบนี้เด็กๆ ชั้นอนุบาล ประถม หรือมัธยม หากเค้าทราบ เค้าคงถามว่า เราปล่อยให้ “ใคร” ชงมาตรการอันตรายแบบนี้มาให้พิจารณาได้ ทั้งๆ ที่รู้กันดีว่าอันตราย เสี่ยงเกินไป และควรวางไว้บนหิ้งไปอีกระยะยาวนานพอสมควร กว่าจะกลับมาประเมินสถานการณ์ใหม่

ส่วนตัวแล้ว ผมได้พยายามให้ข้อมูล ทั้งต่อรัฐ และต่อสาธารณะ ด้วยจิตสำนึกว่า หากได้มีส่วนช่วยในการป้องกันอย่างเต็มที่ สุดความสามารถ ไม่ให้คนป่วยคนตาย และอยู่รอดจากโรคระบาดที่แพร่กระจายเร็ว รุนแรง แต่ยังไม่มียามาตรฐาน ไม่มีวัคซีนป้องกัน เพื่อยื้อเวลาให้เรามีอาวุธมาช่วยควบคุมได้ ก็ถือว่าชาตินี้ได้ตอบแทนคุณแผ่นดินในฐานะแพทย์ ครูแพทย์ และประชาชนชาวไทยคนหนึ่ง และตั้งใจทำมาตลอดตั้งแต่มีนาคมเป็นต้นมา

จนกระทั่งวันนี้ เป็นไปตามที่ผมได้เคยเตือนไว้หลายครั้งว่า จะเริ่มเห็นปัญหา หลังปลดล็อครับคนต่างชาติราว 2 – 6 สัปดาห์ เพราะหลายประเทศที่เกิดการระบาดระลอกสองนั้นล้วนโชว์ประสบการณ์ให้เราทราบมาก่อนหน้านี้

สิ่งที่ใช้ เพื่อนำเสนอมาตลอดนั้น เป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ เพื่อมาต่อสู้กับนโยบายหรือมาตรการที่ไม่เหมาะสม ที่ถูกนำเสนอ กดดัน หรือผลักดันโดยวิถีการเมืองและวิถีการรับใช้การเมือง

วันนี้…ผมคิดว่าถึงเวลาที่เหมาะสมอีกครั้ง ก่อนที่จะวิกฤติไปมากกว่านี้

หมอธีระ

ผมขอกราบเรียนเสนอให้ท่าน โปรดช่วยคนไทยให้พ้นจากวิกฤติ ด้วยการใช้ “คน” ที่เหมาะสม ดี มีสติ มีปัญญา มีคุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรม และยึดมั่นในปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งในความเห็นของผมนั้นดูจะเป็นหนทางเดียว เป็นคำตอบสุดท้าย ที่จะช่วยให้ไทยรอดจากปัญหา COVID-19 นี้ได้

ลด ละ เลิก การยอมให้มีการชงนโยบายและมาตรการที่ใช้กิเลสเป็นตัวนำ

ในช่วงเวลาถัดจากนี้ไป เราคงต้องช่วยกันกระตุ้นเตือน และรณรงค์ให้ประชาชนชาวไทยที่รักของเรา รักตัวเอง รักครอบครัว ด้วยการป้องกันตัวอย่างแข็งขัน สม่ำเสมอ ด้วยความจริงที่ว่า ความเสี่ยงตอนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ และเราต้องไม่ยอมให้เกิดโรคระบาดระลอกสองกลับมาทำลายเราเหมือนที่เห็นในประเทศอื่นๆ

แนวคิดการยอมให้คนติดเชื้อจำนวนเท่านั้นเท่านี้… เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เพราะสถานการณ์จริงเราจะไม่มีทางควบคุม และจัดการมันได้ครับ

โปรดเลือกที่จะเชื่อ… ในสิ่งที่ถูกต้อง เหมาะสม…

โปรดระวัง…เหตุที่เกิดมาในอดีต และจัดการที่ต้นเหตุไม่ให้มีโอกาสมาทำให้เกิดปัญหาซ้ำซาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากปัญหาที่เกิดนั้นส่งผลโดยตรงต่อสวัสดิภาพ ความปลอดภัยของประชาชนชาวไทย และความมั่นคงของประเทศ

ถ้าไม่ป่วย ไม่ตาย…เรายังมีปัญญาอยู่รอด หาทางทำกินได้ในอนาคต

แต่หากป่วยและตาย…เราไม่มีทางชุบชีวิตกลับคืนมาครับ #ใส่หน้ากากเสมอ #ล้างมือบ่อยๆ #อยู่ห่างคนอื่นหนึ่งเมตร #พูดน้อยลงพบปะคนน้อยลงสั้นลง #เลี่ยงที่อโคจร #คอยสังเกตอาการตนเองและครอบครัว

ด้วยรักและเคารพต่อทุกคน
ประเทศไทยต้องทำได้ครับ…
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK