Politics

‘วัฒนา’ บี้กองทัพลดค่าใช้จ่าย ชี้ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป จ่ายภาษีเท่าไหร่ก็ไม่พอ

“วัฒนา เมืองสุข” เผยประเทศไทยรายจ่ายสูง เพราะรัฐราชการขยายตัว บี้หดขนาด “กองทัพ” ลดค่าใช้จ่าย อ้างขืนเป็นแบบนี้ต่อไป รีดภาษีประชาชนเท่าไหร่ก็ไม่พอ

เมื่อวาน (10 ก.ค. 63) และวันนี้ (11 ก.ค. 63) นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการประชุมกรรมาธิการวิสามัญงบประมาณ พ.ศ. 2564 จำนวน 2 ครั้งในเพจเฟซบุ๊ก Watana Muangsook

เนื้อหาหลักเป็นการพูดถึงกรอบงบประมาณปีงบประมาณ 2564 ว่า ปีนี้ค่าใช้จ่ายของประเทศใกล้เคียงกับรายรับ แต่ค่าใช้จ่ายมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะหลังจากการยึดอำนาจแล้ว รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ขยายความเป็นรัฐราชการ เพื่อค้ำยันอำนาจเผด็จการ

ดังนั้น จึงเสนอให้ลดค่าใช้จ่ายของประเทศลง โดยประเด็นแรกที่มองเห็น คือ การลดขนาดของกองทัพที่มีจำนวน 6 แสนคน มากกว่าประเทศมหาอำนาจด้วยซ้ำ พร้อมชี้ว่า หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไป เก็บภาษีประชาชนเท่าไหร่ก็ไม่พอจ่ายเงินเดือนข้าราชการ

วัฒนา เมืองสุข กองทัพ

สำหรับข้อความที่นายวัฒนาโพสต์ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2563 ทั้งหมดเป็นดังนี้

“วันนี้จะมีการประชุมกรรมาธิการวิสามัญงบประมาณ พ.ศ. 2564 เป็นวันที่สองที่เป็นเรื่องของสาระ โดยคิวแรกเป็นของกรมบัญชีกลางซึ่งมีหน้าที่ “กำกับดูแลและบริหารการใช้จ่ายเงินของแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด” ที่จะต้องมาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ

ดูจากกรอบของงบประมาณปี 2564 ประเทศไทยมีรายจ่ายประจำสูงใกล้เคียงกับรายรับและมีแนวโน้มจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ต้นตอของปัญหามาจากการขยายความเป็นรัฐราชการ ซึ่งจะเกิดขึ้นทุกครั้งหลังการยึดอำนาจ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องลดขนาดรัฐราชการลง เพื่อให้มีเงินเหลือใช้ในการพัฒนาประเทศ

รายจ่ายหนึ่งที่เกิดขึ้นภายหลังการยึดอำนาจและเป็นภาระแก่งบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชนคือ การที่พลเอกประยุทธ์ ประเคนวันเวลาทวีคูณให้กับทหารตำรวจทั่วประเทศภายหลังการยึดอำนาจ และการที่รัฐบาลประยุทธ์ออกกฎหมายเปิดทางให้ทหารยศพลตรีมีฐานะเทียบเท่าอธิบดี เพื่อให้ทหารเหล่านี้ได้มาเป็นกรรมการในองค์กรอิสระ

เช่น ป.ป.ช. เพื่อค้ำยันรัฐบาลเผด็จการต่อแต่เป็นภาระแก่ประชาชน ผมจึงให้การบ้านกรมบัญชีกลางไปคำนวณว่าเฉพาะสองรายการนี้เป็นภาระแก่งบประมาณเป็นเงินมากน้อยเท่าไร ได้คำตอบแล้วจะเรียนให้พี่น้องประชาชนผู้เป็นเจ้าของภาษีทราบต่อไปครับ

วัฒนา เมืองสุข

10 กรกฎาคม 2564”

fig 24 03 2020 03 35 09

สำหรับอีกข้อความที่โพสต์ในวันนี้ ได้แก่

“การประชุมงบประมาณวานนี้ อธิบดีกรมบัญชีกลางได้ชี้แจงตามคำซักถามของผมว่า ประเทศไทยมีข้าราชพลเรือนทั้งหมดประมาณ 1.7341 ล้านคน ตำรวจประมาณ 300,000 คน ทหารประจำการประมาณ 480,000 คน และทหารเกณฑ์อีกประมาณ 120,000 คน รวมข้าราชการทั้งทหารและตำรวจทั้งประเทศ 2.6 ล้านคนที่เป็นภาระแก่งบประมาณ

นับแต่มีการยึดอำนาจตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา เผด็จการทหารได้ออกกฎหมายขยายความเป็นรัฐราชการให้เติบโตขึ้นมาตลอด รวมถึงการให้สิทธิประโยชน์กับพวกพ้อง เช่น รัฐบาลประยุทธ์ให้วันเวลาทวีคูณกับทหารตำรวจทั่วประเทศซึ่งมีอยู่ประมาณ 6-7 แสนคนระหว่างมีการประกาศกฎอัยการศึกภายหลังการยึดอำนาจ ซึ่งเป็นภาระแก่งบประมาณหลายหมื่นล้านบาท แต่กรมบัญชีกลางไม่ยอมตอบคำถามนี้ อ้างว่าไม่ได้คำนวณไว้ เพราะเป็นหน้าที่ของแต่ละหน่วยที่จะขอเบิกจ่าย

ส่วนโครงสร้างงบประมาณนับแต่ปี 2550-2564 สัดส่วนของรายจ่ายประจำเพิ่มขึ้น 2.22 เท่า แต่รายจ่ายเพื่อการลงทุนเพิ่มขึ้นเพียง 1.8 เท่า ล่าสุดในปี 2564 มีรายรับที่มาจากการจัดเก็บภาษี 2.67 ล้านล้านบาท แต่มีรายจ่ายประจำและรายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ 2.625 ล้านล้านบาท ซึ่งหากจัดเก็บภาษีได้ตามประมาณการเราจะเหลือเงินเพื่อพัฒนาประเทศไม่ถึง 50,000 ล้านบาท จึงเป็นเหตุให้พลเอกประยุทธ์ต้องกู้เงินมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่มีปัญญาบริหารประเทศจนต้องเดินสายไปขอคำแนะนำจากสื่อมวลชนถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

ดูตามโครงสร้างของงบประมาณแล้ว ประเทศไทยมีความจำเป็นที่จะต้องลดรายจ่ายประจำทันทีเพื่อให้เหลือเงินใช้ในการพัฒนาประเทศ ส่วนราชการแรกที่ผมมองเห็นทันที คือ กองทัพที่มีกำลังพลรวมกันถึง 600,000 นาย มากกว่า 3 ประเทศมหาอำนาจอย่างอังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมันที่มีทหารรวมกันเพียง 520,000 คน ยังไม่นับรวมการผลาญงบประมาณซื้ออาวุธที่ไม่มีประโยชน์กับประชาชน หากปล่อยไปแบบนี้ รีดภาษีจากประชาชนได้เท่าไรก็ไม่พอจ่ายเงินเดือนข้าราชการ

วัฒนา เมืองสุข

11 กรกฎาคม 2563”

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo