World News

‘มหาวิทยาลัยสหรัฐ’ แห่ฟ้องรัฐบาล เหตุห้ามต่างชาติเรียนออนไลน์ในประเทศ

“มหาวิทยาลัยสหรัฐ” ชั้นนำ แห่ยื่นฟ้องรัฐบาล เหตุห้ามนักศึกษาต่างชาติเรียนออนไลน์พักอยู่ในประเทศ ชี้เป็นคำสั่งที่ผิดกฎหมาย

มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย (UC) ประกาศแผนการยื่นฟ้องรัฐบาลกลางสหรัฐ กรณีสั่งห้ามนักศึกษาต่างชาติของ มหาวิทยาลัยสหรัฐ พำนักอยู่ในประเทศ หากพวกเขาศึกษาผ่านการเรียนการสอนเฉพาะทางออนไลน์ในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)

คำแถลงจากเจเน็ต นาโปลิตาโน อธิการบดีมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2563 ระบุว่าคำสั่งดังกล่าว “ใจร้าย ทำตามอำเภอใจ และสร้างความเสียหายต่ออเมริกา” โดยการฟ้องร้องครั้งนี้จะมุ่งขอให้ศาลออกคำสั่งควบคุมการดำเนินการชั่วคราว พร้อมด้วยมาตรการคุ้มครองเบื้องต้นและถาวร เพื่อยับยั้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐ (ICE) บังคับใช้คำสั่งข้างต้น

มหาวิทยาลัยสหรัฐ

คำสั่งที่ทำตามอำเภอใจและผิดกฎหมายจากรัฐบาลกลางนี้ ทำให้นักศึกษาต่างชาติวิตกกังวลและไม่มั่นใจยิ่งกว่าเดิม” นาโปลิตาโนกล่าว “คำสั่งดังกล่าวผิดกฎหมาย ไร้ซึ่งความจำเป็น และความเห็นอกเห็นใจ”

ด้านจอห์น เอ เปเรซ ประธานสภามหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เผยว่า มหาวิทยาลัยฯ ได้จัดการเรียนสอนทางออนไลน์เพิ่มขึ้นและลดการเรียนการสอนในห้องเรียนลง เพื่อปกป้องสุขภาพของนักศึกษาท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดย “มหาวิทยาลัยฯ จำเป็นต้องยื่นฟ้องคดีนี้เพื่อปกป้องนักศึกษาของเรา”

“ถึงนักศึกษาต่างชาติของมหาวิทยาลัยฯ ผมขอบอกว่า ‘เราสนับสนุนพวกคุณและรู้สึกเสียใจกับการกระทำอันยุ่งเหยิงของสำนักงานฯ’ ถึงศาลที่เคารพ ผมขอบอกว่า ‘พวกเรามหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียรู้ซึ้งและเข้าใจวิทยาศาสตร์และกฎหมายด้วยใจสุจริต แต่ฝ่ายตรงข้ามของเราแสดงให้คุณเห็นครั้งแล้วครั้งเล่าแล้วว่าพวกเขาไม่รู้และเข้าใจเหมือนเรา” เปเรซกล่าวในแถลงการณ์

มหาวิทยาลัย สหรัฐ

ทั้งนี้ ข้อมูลการลงทะเบียนเรียนช่วงฤดูใบไม้ร่วงของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ปีการศึกษา 2562 พบว่ามีนักศึกษาระดับปริญญาตรี จำนวน 27,205 จาก 226,125 คน เป็นชาวต่างชาติที่ไม่มีถิ่นพำนัก (non-resident) ในสหรัฐ ขณะที่มีนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา จำนวน 13,995 จาก 58,941 คน เป็นชาวต่างชาติที่ไม่มีถิ่นพำนักในสหรัฐเช่นเดียวกัน

ด้านข้อมูลจากสถาบันการศึกษานานาชาติ (IIE) ระบุว่า จีนเป็นประเทศที่มีนักศึกษาต่างชาติกลุ่มใหญ่ที่สุดใน มหาวิทยาลับสหรัฐ ติดต่อกัน 10 ปี โดยมีแคลิฟอร์เนียเป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่ง


ด้าน มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ก็ได้ยื่นฟ้องรัฐบาลกลาง เพื่อป้องกันไม่ให้รัฐบาลสหรัฐ บังคับใช้กฎที่เป็นภัยต่อนักเรียนต่างชาติ หากทาง มหาวิทยาลัยสหรัฐ เปลี่ยนไปใช้หลักสูตรออนไลน์เพียงอย่างเดียวในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

หนังสือพิมพ์ฮาร์วาร์ด คริมสันระบุว่า การฟ้องร้องคดีกรณีนี้เป็นการฟ้องเพื่อขอให้ศาลออกคำสั่งชั่วคราว พร้อมด้วยมาตรการคุ้มครองเบื้องต้นและและถาวร ยับยั้งไม่ให้กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิและสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐอเมริกา (ICE) บังคับใช้แนวทางปฏิบัติของรัฐบาลที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (8 ก.ค. 63) ซึ่งกฎใหม่ที่ออกมานั้น สร้างความกังวลในหมู่นักศึกษาต่างชาติหลายหมื่นคนที่ศึกษาอยู่ใน มหาวิทยาลัยสหรัฐ

ลอว์เรนซ์ บาโคว์ อธิการบดีของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เขียนอีเมลไปถึงองค์กรต่างๆ ในเครือว่า “คำสั่งลงมาโดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ซึ่งเป็นเรื่องเลวร้ายเกินกว่าที่จะเกิดจากการกระทำโดยประมาท เราคิดว่าคำสั่งของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรนั้นเป็นนโยบายสาธารณะที่แย่ และเราเชื่อว่าเป็นคำสั่งที่ผิดกฎหมาย”

คดีที่ยื่นในศาลแขวงสหรัฐ ประจำเมืองบอสตัน เกิดขึ้นหลังจากแนวปฏิบัติที่สำนักงานออกในวันจันทร์ (6 ก.ค. 63) ประกาศว่าจะทำให้วีซ่า F-1 และ M-1 ของนักศึกษาต่างชาติเป็นโมฆะ หากสถาบันการศึกษาที่พวกเขาลงทะเบียนเรียนมีแค่หลักสูตรออนไลน์ในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ ซึ่งอาจเป็นการลิดรอนสิทธิพวกเขาในการอยู่ในสหรัฐอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

แนวปฎิบัติดังกล่าวระบุว่านักเรียนที่อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ “ต้องเดินทางออกไปจากสหรัฐ หรือใช้มาตรการอื่นๆ เช่น การย้ายไปโรงเรียนที่มีการเรียนการสอนแบบพบปะซึ่งหน้า เพื่อให้อยู่ในสถานะที่ชอบด้วยกฎหมาย” ส่วนผู้ที่ละเมิดกฎ “อาจต้องถูกพิจารณาถอนวีซ่าและถูกส่งกลับประเทศ”

อัตราการว่างงาน

“การกระทำของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรไม่มีข้อบ่งชี้ใดๆ ว่าผ่านการพิจารณาถึงสุขภาพของนักศึกษา คณาจารย์ เจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัย หรือชุมชน… อีกทั้งยังไม่มีทางเลือกอื่นสำหรับมหาวิทยาลัยในการจัดหาหลักสูตรให้กับนักศึกษาต่างชาติจำนวนมาก” รายละเอียดการฟ้องคดีของสองมหาวิทยาลัยชื่อดังระบุ

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดประกาศเมื่อวันจันทร์ (6 ก.ค.) ว่าจะอนุญาตให้นักศึกษาระดับปริญญาตรีจำนวน 40% รวมถึงนักศึกษาปีแรกทั้งหมด กลับไปเรียนในวิทยาเขตได้ในภาคเรียนฤดูใบไม้ร่วง ส่วนนักเรียนที่เหลือจะยังเรียนทางออนไลน์ต่อไป

ขณะเดียวกัน ด้านสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์เผยในเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย ว่านักศึกษาชั้นปีสุดท้ายจะเป็นนักศึกษาระดับปริญญาตรีเพียงกลุ่มเดียวที่กลับเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ ส่วนกลุ่มที่ไม่ใช่นักเรียนชั้นปีสุดท้ายอาจ “ขอพิจารณาเรื่องที่พักอาศัยเป็นพิเศษ หากพวกเขาประสบปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย สภาพความเป็นอยู่ สถานะวีซ่า หรือปัญหาอื่นๆ”

สหรัฐ นิวยอร์ก

สำหรับยอดผู้ป่วยโควิดวันนี้ (10 ก.ค. 63) นับถึงเวลา 09.00 น. ทั่วโลกมียอดสะสมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 12,387,405  คน รักษาตัวหายแล้วรวม 7,187,377 คน และมียอดสะสมผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 557,395 ราย

ในช่วง 24 ชั่วโมง นับถึงเมื่อวานนี้ (9 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น สหรัฐ และบราซิล ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อ และเสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 มากสุดเป็นอันดับ 1 และ 2 ของโลก ยังคงพบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวมกันแล้วมากกว่า 100,000 คน

สหรัฐ รายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ 61,067 คน ทำให้มียอดสะสมผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ล่าสุด ที่ 3,219,999 คน ส่วนบราซิล พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 42,907 คน ส่งผลให้มียอดสะสมผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1,759,103 คน

ทั้งสหรัฐ และบราซิล มีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 960 ราย และ 1,199 ราย ทำให้มียอดสะสมผู้เสียชีวิตในประเทศที่ 135,882 ราย และ 69,254 ราย ตามลำดับ

ที่มาสำนักข่าวซินหัว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo