World News

ประธานสภาสหรัฐชี้ ‘ทรัมป์ถอนตัวจาก WHO’ เป็นการกระทำที่ไร้สติอย่างแท้จริง

ประธานสภาสหรัฐโจมตี “ทรัมป์” กรณี ถอนตัวจาก WHO เป็นการเรื่องที่ “ไร้สติอย่างแท้จริง” ส่งผลให้หลายล้านชีวิตเสี่ยงไวรัสโควิด-19

แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐ ระบุผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวถึงที่กรณีโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ถอนตัวจาก องค์การอนามัยโลก (WHO) อย่างเป็นทางการว่า เป็น “การกระทำที่ไร้สติอย่างแท้จริง”

เมื่อวานนี้ (8 ก.ค. 63) เพโลซีเผยว่าการตัดสินใจของทรัมป์มีขึ้นในยามที่ “องค์การกำลังผนึกกำลังทั่วโลกในการต่อสู้กับโรคโควิด-19” พร้อมเสริมว่า “ทรัมป์กำลังบ่อนทำลายความพยายามระหว่างประเทศในการเอาชนะไวรัส ซึ่งมาพร้อมกับความเสี่ยงของผู้คนหลายล้านชีวิต”

สหรัฐถอนตัวจาก WHO

ความเห็นดังกล่าวเกิดขึ้นหลัง สหรัฐอเมริกาส่งหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติ (UN) แจ้งเรื่อง สหรัฐขอ ถอนตัวจาก WHO อย่างเป็นทางการ เริ่มต้นขั้นตอนการถอนตัวจากองค์กรระดับโลกท่ามกลางภาวะระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ และคณะบริหารของเขากล่าวหา WHO ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาและขู่ตัดความสัมพันธ์กับองค์การหลายต่อหลายครั้ง โดยทรัมป์ประกาศในช่วงกลางเดือนเมษายนว่า รัฐบาลของเขาจะหยุดการระดมทุนให้แก่ WHO

เว็บไซต์ของ WHO รายงานว่า สหรัฐจะสิ้นสุดสถานภาพสมาชิกขององค์การในวันที่ 6 กรกฎาคม 2564  และปัจจุบันสหรัฐยังค้างชำระเงินบริจาคสมทบแก่องค์การมากกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 6.23 พันล้านบาท

ทั้งนี้ เมื่อวันอังคาร (7 ก.ค. 63) สเตฟาน ดูจาร์ริก โฆษกของอันโตนิอู กูแตร์เรช เลขาธิการสหประชาชาติ  ระบุในแถลงการณ์ว่า เลขาธิการกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบกับ WHO ว่า สหรัฐได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการถอนตัวอย่างครบถ้วนหรือไม่

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ออกมาโจมตีองค์การอนามัยโลกว่าเป็น “หุ่นเชิด” ของจีน พร้อมยืนยันว่า เขากำลังพิจารณาที่จะลด หรือยกเลิกการสนับสนุนของสหรัฐที่มีต่อหน่วยงานด้านสาธารณสุขของสหประชาชาติแห่งนี้ทั้งหมด

“พวกเขาเป็นหุ่นเชิดของจีน พวกเขามีจีนเป็นศูนย์กลาง คอยทำให้จีนดูดีขึ้นกว่าเดิม”

ทรัมป์บอกด้วยว่า สหรัฐจ่ายเงินปีละประมาณ 450 ล้านดอลลาร์ให้กับ WHO ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าประเทศไหนๆ และมีแผนที่จะลดเงินจำนวนนี้เพราะ “เราไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเหมาะสม” และว่า WHO มีแต่ให้คำแนะนำที่แย่ๆ กับสหรัฐ

พร้อมกันนี้ ผู้นำอเมริกันยังขู่ที่จะระงับการให้เงินอุดหนุนกับ WHO เป็นการถาวระ ถ้าหากไม่มีการปรับปรุงอย่างเป็นรูปธรรมให้เห็นภายใน 30 วัน

สหรัฐถอนตัวจาก WHO

เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2563 ทรัมป์ยังทวิตภาพจดหมายที่เขาส่งไปถึงนายทีโดรส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ WHO พร้อมบอกว่า จดหมายฉบับนี้อธิบายอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว

ในจดหมายฉบับดังกล่าว ทรัมป์ไล่รายละเอียดของเรื่องที่เขาบอกว่าเป็นข้อบกพร่องของ WHO ในการบริหารจัดการวิกฤติโรคระบาดที่กำลังเกิดขึ้น รวมถึงการปฏิเสธรายงานที่ออกมาช่วงแรกๆ ของการพบเชื้อไวรัสโควิด-19 และมีความใกล้ชิดกับจีนมากจนเกินไป

เขาบอกด้วยว่าคณะทำงานของรัฐบาลสหรัฐได้ทำการทบทวนแนวทางของ WHO ในการรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และยืนยันว่า การทำงานของ WHO ได้สร้างความกังวลให้กับรัฐบาลสหรัฐ ตามที่เขาได้เคยกล่าวถึงในเดือนที่แล้ว

“หากองค์การอนามัยไม่ยินยอมที่จะดำเนินการปรับปรุงอย่างเป็นรูปธรรมครั้งใหญ่ภายใน 30 วัน ผมจะระงับเงินอุดหนุนทั้งหมดที่สหรัฐให้กับองค์การอนามัยโลกอย่างถาวร และพิจารณาถึงการเป็นสมาชิกของเราในองค์กรแห่งนี้ด้วย” ทรัมป์กล่าวไว้

นอกจากสหรัฐแล้ว เมื่อเดือนมิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา ฌาอีร์ โบลโซนารู ประธานาธิบดีบราซิล ยังขู่ถอนบราซิลออกจากการเป็นสมาชิก WHO โดยกล่าวว่าบราซิลจะพิจารณา ถอนตัวจาก WHO เว้นเสียแต่ทางองค์การฯ จะหยุดเป็น “องค์การทางการเมืองที่เลือกข้าง”

ก่อนหน้านี้ องค์การฯ แสดงความเห็นขัดแย้งกับความพยายามของโบลซานารูที่ต้องการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ แม้บราซิลยังคงเผชิญกับการระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศ

XxjpbeE007250 20200308 PEPFN0A001 scaled 1

ล่าสุดวันนี้ (9 ก.ค. 63) ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) มหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ เปิดเผยว่าจำนวนผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ทั่วโลก พุ่งเกิน 12 ล้านรายแล้ว โดยมีจำนวนรวมที่ 12,041,795 ราย เมื่อนับถึง 12.30 น. ของวันนี้ตามเวลาประเทศไทย

ขณะเดียวกันข้อมูลจากศูนย์ฯ ระบุว่ายอดผู้ป่วยเสียชีวิตทั่วโลกอยู่ที่ 549,468 ราย

สหรัฐฯ ยังคงได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากโรคระบาดใหญ่ครั้งนี้ โดยมีผู้ป่วย 3,054,699 ราย และผู้ป่วยเสียชีวิต 132,300 ราย

ทั้งนี้ กลุ่มประเทศที่มีผู้ป่วยเกิน 250,000 ราย ได้แก่ บราซิล อินเดีย รัสเซีย เปรู ชิลี สหราชอาณาจักร เม็กซิโก และสเปน

ที่มาสำนักข่าวซินหัว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo