World News

‘บอตสวานา’ เร่งหาสาเหตุ ช้างตายเกลื่อนกว่า 350 ตัว

ช้างตาย เกลื่อน รัฐบาลบอตสวานา ระบุ กำลังเร่งสืบสวนหาสาเหตุ การเสียชีวิตของช้างป่าในประเทศ ที่ล่าสุด มียอดยืนยันอย่างเป็นทางการที่ 275 ตัว เพิ่มขึ้นจากจำนวน 154 ตัวเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว

การสังเกตพบ ช้างตาย เป็นจำนวนมากนี้ เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จากการที่นักอนุรักษ์ ในบอตสวานา แจ้งเจ้าหน้าที่ว่า พบซากช้างตายเกลื่อน ในแถบโอกาวานโก ระหว่างการบิน สำรวจพื้นที่

ช้างตาย

จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครรู้สาเหตุที่ทำให้ ช้างตาย หมู่ ซึ่งทางการบอตสวานาบอกว่า เจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างจากซากช้าง ไปตรวจในห้องปฏิบัติการแล้ว แต่ผลยังไม่ออก

“ห้องทดลอง 3 แห่ง ในซิมบับเว แอฟริกาใต้ และแคนาดา อยู่ะหว่างการตรวจสอบตัวอย่างที่เก็บจากซากช้าง” กระทรวงสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ อนุรักษ์ และการท่องเที่ยว บอตสวานา แถลง

ในรายงานที่เตรียมไว้เพื่อนำเสนอ ต่อรัฐบาลบอตสวานานั้น กลุ่มช้างไร้พรมแดน (Elephants Without Borders) หรือ EWB ซึ่งเป็นองค์กรด้านการอนุรักษ์ ระบุว่า การสำรวจทางอากาศพบว่า ช้างที่ตายมีทุกช่วงอายุ โดยในการสำรวจเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา พบซากช้างทั้งหมด 169 ตัว และเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พบอีก 187 ตัว

“เรายังพบว่า ช้างหลายตัวที่เราเจอ มีอาการเดินเป็นวงกลม เปลี่ยนทิศทางเดินไม่ได้ แม้จะถูกฝูงกระตุ้นแล้วก็ตาม”

นอกจากนี้ ยังพบว่า ช้างที่มีชีวิตบางตัว ก็ดูอ่อนแอ และซูบผอม จึงมีการคาดการณ์ว่า ในช่วงอีกหลายสัปดาห์ ที่จะถึงนี้ น่าจะมีช้างตาย อีกหลายตัว และจำนวนช้างที่ตาย อาจสูงกว่าที่มีข้อมูล เพราะหาซากช้างไม่เจอ

ช้างตาย

รายงานย้ำด้วยว่า จำเป็นต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อหาสาเหตุการตายของช้างเหล่านี้ว่า เกิดจากโรค หรือเพราะโดนวางยาพิษ

ทั้งนี้ โดยรวมแล้ว ประชากรช้างป่า ในทวีปแอฟริกา ลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะโดนล่าเอางา แต่ในบอตสวานา ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่ ของช้างป่าเกือบ 1 ใน 3 ที่มีอยู่ทั่วแอฟริกานั้น กลับมีจำนวนช้างเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 130,000 ตัว จากช่วงปลายทศวรรษ 90 ที่มีอยู่ทั้งหมด 80,000 ตัว

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลบอตสวานา บอกว่า การตายของช้าเหล่านี้ ไม่น่าเกี่ยวกับ การล่าช้างเอางา เพราะซากช้างที่พบ ยังมีงาอยู่ครบ อีกทั้งลักษณะการตาย ยังน่าเชื่อได้ว่าเกิดจากสาเหตุอื่น ที่ไม่ใช่จากการล่าสัตว์

ทางด้าน ดร.ไนอัล แมคแคนน์ แห่งมูลนิธิช่วยชีวิตสัตว์ป่า ในอังกฤษ กล่าวว่า นี่เป็นการตายหมู่ในระดับ ที่ไม่เกิดขึ้นมานานมาก นอกเหนือจากภัยแล้ง เขายังไม่เคยพบการตายหมู่ ที่มีนัยสำคัญ เช่นนี้มาก่อน และช้างยังตาย ใกล้กับบริเวณที่อยู่อาศัยของมนุษย์ ในช่วงที่โรคจากสัตว์ป่า เป็นเรื่องที่ทุกคนคิด จึงเป็นเรื่องน่าประหลาดใจมากที่รัฐบาลบอตสวานากลับไม่ส่งตัวอย่างไปให้ห่องทดลองที่มีชื่อเสียงตรวจ

เขาบอกด้วยว่า ในสถานที่ที่เจอ ช้างตายนั้น ไม่พบซากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เพราะถ้าพรานล่าสัตว์ โดยการวางพิษอย่างไซยาไนด์ ก็น่าจะต้องพบซากสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ด้วย และว่า โรคแอนแทรกซ์ ที่เคยคร่าชีวิตช้างกว่า 100 ตัวในบอตสวานา เมื่อปีที่แล้ว ก็ไม่น่าใช่สาเหตุ

ช้างตาย

อย่างไรก็ดี ดร.แมคแคนน์ไม่ได้ตัดเรื่องการติดเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 ทิ้งไป เพราะเชื้อไวรัสชนิดนี้พบในสัตว์ป่า

“แน่นอน มันเป็นหายนะของสัตว์ป่า แต่ก็อาจจะกลายเป็นหายนะของสาธารณสุขด้วย”

ทั้งนี้ บริเวณสามเหลี่ยม ปากแม่น้ำโอคาวานโก มีช้างอยู่ประมาณ 15,000 ตัว หรือประมาณ ร้อยละ 10 ของช้างทั้งหมด ในบอตสวานา  ส่วนการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ คิดเป็นร้อยละ 10-12 ของจีดีพีบอตสวานา เป็นรองเพียง การส่งออกเพชรเท่านั้น

ดังนั้น ช้างถือเป็นทรัพย์สินของชาติ ซึ่งการตายหมู่ของช้างบริเวณนี้ ถือเป็น “หายนะสำหรับการอนุรักษ์” และบ่งบอกว่า บอตสวานาล้มเหลว ที่จะปกป้องทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุดของประเทศ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo