World News

ผู้เชี่ยวชาญเตือนยอดป่วยโควิด-19 ในอเมริกา อาจเพิ่ม ‘100,000 รายต่อวัน’

ผู้เชี่ยวชาญเตือน “อเมริกา” เดินผิดทาง ยอดป่วยโควิด-19 เพิ่มถึง 100,000 รายต่อวัน ด้านผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กเรียกร้อง “ทรัมป์” บังคับประชาชนสวมหน้ากากอนามัย

แอนโธนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อระดับแนวหน้าของรัฐบาลสหรัฐกล่าวเตือนว่า ยอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในสหรัฐฯ อาจเพิ่มขึ้นถึง 100,000 รายต่อวัน หากแนวโน้มการติดเชื้อในปัจจุบันยังดำเนินต่อไป

สหรัฐ โควิด

ขณะชี้แจงต่อคณะกรรมการวุฒิสภาสหรัฐฯ เฟาซี ซึ่งเป็นผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติ (NIAID) ระบุว่าสหรัฐฯ “กำลังเดินบนเส้นทางที่ผิด” หลังยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 พุ่งสูงขึ้นทั่วประเทศ

ปัจจุบันเราตรวจพบผู้ป่วยใหม่กว่า 40,000 รายทุกวัน ผมจะไม่แปลกใจถ้ายอดผู้ป่วยใหม่จะพุ่งสูงถึง 100,000 รายต่อวัน หากสถานการณ์ยังดำเนินต่อไปเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกกังวลอย่างมาก” เฟาซีกล่าว

เฟาซีเน้นย้ำว่า เขาไม่สามารถประมาณการจำนวนผู้ป่วยเสียชีวิตได้ เนื่องจากต้องมีการสร้างแบบจำลองเพื่อการคำนวณที่ชัดเจน พร้อมเสริมว่าการแพร่ระบาดในหลายพื้นที่ของสหรัฐฯ “ทำให้ทั้งประเทศตกอยู่ใต้ความเสี่ยง” และ “เห็นได้ชัดว่าเราควบคุมสถานการณ์ไม่ได้เลย”

อนึ่ง ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ รายงานว่าสหรัฐฯ มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 รวมอยู่ที่ 2,629,372 ราย และผู้ป่วยเสียชีวิต 127,322 ราย เมื่อนับถึง 6.33 น. ของวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ตามเวลาประเทศไทย

ด้านอเล็กซ์ เอซาร์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ของสหรัฐฯ (HHS) กล่าวไว้ว่า “หน้าต่างแห่งโอกาสของการสกัดกั้นโรคโควิด-19” กำลังจะปิดตัวลง หลังหลายรัฐของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางตอนใต้และตะวันตก มีรายงานผู้ป่วยและการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ แอนดรูว์ คัวโม (Andrew Cuomo) ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กของสหรัฐ เรียกร้องให้โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อกำหนดให้ประชาชนชาวสหรัฐ ทุกคนสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในสถานที่สาธารณะ เพื่อช่วยหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19

“ประธานาธิบดีไม่จำเป็นต้องอนุมัติกฎหมายหรือเรียกประชุมสภาคองเกรส แค่ลงนามในคําสั่งฝ่ายบริหารกําหนดให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยก็พอ” คัวโมกล่าวระหว่างการรายงานความคืบหน้าด้านการต่อสู้กับโรคโควิด-19 ของรัฐนิวยอร์ก

คัวโมระบุว่านิวยอร์กบังคับให้ประชาชนปิดคลุมจมูกและปากมาตั้งแต่ 2 เดือนก่อน ซึ่งเห็นผลแล้วว่าช่วยลดการแพร่ระบาดได้จริง พร้อมกล่าวว่า ทำเนียบขาวควรดำเนินการให้ประชาชนชาวสหรัฐ ตระหนักว่าภัยของโรคโควิด-19 เป็นเรื่องจริง และประธานาธิบดีควรสวมหน้ากากอนามัย “เป็นตัวอย่าง” ให้กับประชาชน

ผู้ว่าการรัฐระบุว่า ปัจจุบันยอดผู้ป่วยโควิด-19 ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลลดลงเหลือ 853 ราย และเมื่อวันอาทิตย์ (28 มิ.ย.) นิวยอร์กตรวจเชื้อให้ประชาชนรวม 46,428 ครั้ง โดยมีผู้ที่มีผลตรวจเชื้อเป็นบวก 391 ราย หรือคิดเป็น 0.84%

ช่วงหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่นิวยอร์กซิตีจะเข้าสู่ระยะที่ 3 ของการเปิดเมือง คัวโมกล่าวถึงความกังวลของเขาว่าการอนุญาตให้ร้านอาหารในอาคารและห้างสรรพสินค้ากลับมาเปิดทำการอีกครั้งในระยะที่ 3 นี้อาจทำให้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก

คัวโมระบุว่าเขาจะหารือกับเจ้าหน้าที่รัฐท้องถิ่นและเจ้าของธุรกิจต่างๆ ให้ “พิจารณาเลื่อนการเปิดธุรกิจไปเป็นสัปดาห์หน้า”

ผู้ว่าการรัฐกล่าวว่านิวยอร์กซิตีเป็นเมืองที่มีความซับซ้อนกว่าพื้นที่อื่นๆ ในรัฐ และปัจจุบันพบ “สัญญาณน่าเป็นห่วง” แล้ว เช่น มีประชาชนรวมตัวกันเป็นจำนวนมากตามท้องถนน ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

“ผมไม่อยากถอยหลังกลับไป ผมต้องการเดินไปข้างหน้า แต่เราต้องก้าวต่อไปอย่างระมัดระวัง” คัวโมกล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เอ็นวาย1 (NY1)

ที่มาสำนักข่าวซินหัว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo