Business

‘บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’ โอนเงิน 3,000 บาทไม่ทันเดือนนี้ ต้องรอเดือน ก.ค.

ผู้ถือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน จำนวน 1.1 ล้านคน ต่างตั้งหน้าตั้งตารอเงินเยียวยาไวรัสโควิด-19 จำนวน 3,000 บาท ว่า จะโอนเข้าเมื่อไหร่ เพื่อนำไปลดภาระค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะช่วงนี้ ที่เป็นช่วงเปิดเทอมและภาวะเศรษฐกิจก็ชะลอตัวจากไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ เป็นที่แน่นอนแล้วว่า การโอนเงินเยียวยาไวรัสโควิด-19 คงไม่ทันเดือนมิถุนายนนี้ เพราะวันนี้ (30 มิ.ย. 63) เป็นวันสุดท้ายของเดือนแล้ว แต่รัฐบาลและ กระทรวงการคลัง ก็ยังไม่ได้ประกาศความชัดเจนเรื่องวันจ่ายเงินออกมา

อย่างไรก็ตาม แม้การโอนเงินจะไม่ทันเดือนมิถุนายน 2563 ก็ไม่ต้องกังวล เพราะกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า จะโอนทั้งหมด 3 งวด รวม 3,000 บาทในเดือนกรกฎาคม 2563 โดยเตรียมประชุมคณะกรรมการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อให้ความเห็นชอบในเร็วๆ นี้

บัตรคนจน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

สำหรับโครงการเยียวยาไวรัสโควิด-19 สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ไม่เคยได้รับการเยียวยาโควิด-19 จากมาตรการอื่นๆ ของรัฐบาลมาก่อน ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2563

ผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินเยียวยาดังกล่าวมีจำนวน 1.1 ล้านคน โดยจะได้รับเงินจำนวน 1,000 บาท 3 งวด คือ งวดเดือนพฤษภาคม, เดือนมิถุนายน และเดือนกรกฎาคม 2563 รวม 3,000 บาท ซึ่งบประมาณที่ใช้ในโครงการนี้จำนวน 3,492 ล้านบาท จะนำมาจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท

ขณะนี้ รอเพียงให้กระทรวงการคลังดำเนินขั้นตอนต่างๆ ให้แล้วเสร็จและกำหนดวันจ่ายเงินเท่านั้น

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

สิทธิประโยชน์ บัตรคนจน เดือนกรกฎาคม 2563

แม้เงิน 3,000 บาท จะโอนเข้าไม่ทันเดือนมิถุนายน 2563 และต้องรอความชัดเจนในเดือนกรกฎาคม 2563 แต่วงเงินช่วยเหลืออื่นๆ อีก 8 รายการของ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ก็ยังมีอยู่ และมีความชัดเจนเรื่องการโอนเงินในเดือนกรกฎาคม 2563 ดังนี้

 

1 กรกฎาคม 2563

1.วงเงินช่วยเหลือค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษา และวัสดุการเกษตร ใน ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ และร้านค้าอื่นๆ ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด ซึ่งผู้ถือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับวงเงินทุกคนและใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง แต่ต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนดและไม่สามารถกดเป็นเงินสดได้

  • ผู้ถือบัตรฯ ที่มีรายได้น้อยกว่า 30,000 บาทต่อปี ได้รับวงเงิน 300 บาทต่อคนต่อเดือน
  • ผู้ถือบัตรฯ ที่มีรายได้ระหว่าง 30,000-100,000 บาทต่อปี ได้รับวงเงิน 200 บาทต่อคนต่อเดือน

2.ค่าเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ

  • ค่ารถโดยสารประจำทางองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (รถเมล์ ขสมก.) และรถไฟฟ้า 500 บาทต่อคนต่อเดือน ซึ่งได้รับเฉพาะผู้ที่ลงทะเบียนในกรุงเทพฯ และ 6 จังหวัดปริมณฑล ได้แก่ นนทบุรี, ปทุมธานี, อยุธยา, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร และนครปฐม
  • ค่ารถโดยสาร บขส. (รถทัวร์ บขส.) 500 บาทต่อคนต่อเดือน ผู้ถือบัตรฯ จะได้รับสิทธิ์ทุกคนและใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง แต่ไม่เกินวงเงินที่กำหนด โดยนำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและบัตรประชาชนไปขอรับสิทธิ์ได้ที่จุดจำหน่ายตั๋วโดยสาร บขส.
  • ค่ารถไฟ 500 บาทต่อคนต่อเดือน ผู้ถือบัตรฯ จะได้รับสิทธิ์ทุกคนและใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง แต่ไม่เกินวงเงินที่กำหนด โดยสามารถนำ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และบัตรประชาชนไปขอรับสิทธิ์ได้ที่จุดจำหน่ายตั๋วโดยสารรถไฟ

3.ส่วนลดค่าซื้อก๊าซแอลพีจี (ก๊าซหุงต้ม) 45 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน โดยผู้ถือบัตรฯ จะได้รับทุกคน และสามารถใช้สิทธิ์ได้ด้วยการนำบัตรฯ ไปซื้อก๊าซกับร้านค้าที่ร่วมรายการกับกระทรวงพลังงาน ใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ภายในระยะเวลา 3 เดือน แต่ต้องไม่เกินวงเงินที่กำหนดและไม่สามารถกดเป็นเงินสดได้

4.ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม ปตท. 100 บาทต่อคนต่อเดือน สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมรายการ เฉพาะผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ลงทะเบียนเป็นผู้ประกอบอาชีพหาบเร่หรือแผงลอยไว้ก่อนหน้านี้

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เดือนกรกฎาคม
ร้านธงฟ้าประชารัฐ

วันที่ 15 กรกฎาคม 2563

5.เงินผู้สูงอายุเพื่อการยังชีพเพิ่มเติม สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จะได้รับวงเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม 50-100 บาทต่อเดือน ตามเกณฑ์รายได้ และสามารถกดออกมาเป็นเงินสดเพื่อนำไปใช้ได้

  • ผู้สูงอายุที่มีรายได้ 0-30,000 บาทต่อปี จะได้รับเงินช่วยเหลือเดือนละ 100 บาท
  • ผู้สูงอายุที่มีรายได้ 30,001-100,000 บาทต่อปี จะได้เงินช่วยเหลือเดือนละ 50 บาท

6.คืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม 5% สำหรับผู้ถือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่เติมเงินเข้าบัตรฯ และใช้เงินจากบัตรฯ รูดซื้อสินค้าและบริการผ่านร้านธงฟ้าประชารัฐ หรือร้านค้าเอกชนอื่น ๆ ที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านเครื่อง EDC ในเดือนมิถุนายน 2563

โดยรัฐจะคืนภาษี VAT 5% ผ่านกระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์ (E-Money) ของบัตรฯ ซึ่งประชาชนสามารถกดออกมาเป็นเงินสด หรือรูดซื้อของตามร้านธงฟ้าและร้านค้าอื่น ๆ ที่ร่วมโครงการได้ แต่ยอดเงินคืนสูงสุดจะไม่เกิน 500 บาทต่อเดือน

ไฟฟ้า

18 กรกฎาคม 2563

7.ค่าน้ำประปา 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน ผู้ได้รับสิทธิ์คือ ครัวเรือนที่ใช้น้ำประปาไม่เกินเกณฑ์เดือนละ 100 บาท และลงทะเบียนใช้สิทธิ์เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ เมื่อบิลค่าน้ำมา ผู้ได้สิทธิ์ต้องสำรองจ่ายเงินสดไปก่อน จากนั้นระบบจะทำการบันทึกข้อมูล และ ทำการโอนเงินสดให้กลับเข้าบัตรฯ ในวันที่ 18 กรกฎาคม 2563 และสามารถนำบัตรฯ มากดเงินสดใช้ได้เลย

8.ค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 230 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน ครัวเรือนที่ได้รับสิทธิ์คือ ผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนดเดือนละ 230 บาท และได้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ เมื่อบิลค่าไฟฟ้ามา ต้องสำรองจ่ายเงินสดไปก่อน จากนั้นระบบจะทำการบันทึกข้อมูล และ ทำการโอนเงินสดให้กลับเข้าบัตรในวันที่ 18 กรกฎาคม 2563 และสามารถนำบัตรมาใช้กดเงินสดได้เลย

อ่านข่าวเพิ่มเติมคลิก

Avatar photo