Business

พฤติกรรมคนไทย Work from Home กังวล ‘ค่าไฟ-สะอาด-สะดวก’

พฤติกรรมคนไทย ยุค Work from Home เอสซีจี เผยต้องการบริการปรับปรุงบ้าน ช่วงล็อกดาวน์ กังวลค่าไฟพุ่ง อยากได้ความสะอาด สะดวกสบาย

กลายเป็นความท้าทายใหม่ของหลาย ๆ แบรนด์ ที่ต้องออกมางัดอาวุธ ปรับกลยุทธ์กันยกใหญ่ จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ไม่เพียงมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ แต่ยังรวมถึง พฤติกรรมคนไทย ทั้งวิถีชีวิต และไลฟ์สไตล์ ของกลุ่มผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปทุกขณะ หรือ New Normal

พฤติกรรมคนไทย New Normal

New Normal หรือ ความปกติใหม่ ของ พฤติกรรมคนไทย โดยเฉพาะการทำงานจากที่บ้าน ทำให้ผู้บริโภค กลับไปมองที่จุดเริ่มต้น สำหรับการใช้ชีวิตบนพื้นฐานที่เรียกว่า บ้าน กันมากขึ้น โดยจากผลสำรวจ พบข้อมูลที่น่าสนใจ ดังนี้

ความกังวลเรื่องโควิด-19 ตามติดมาถึงในบ้าน

ถึงแม้การทำงานอยู่บ้าน หรือลดการออกนอกบ้านให้ได้มากที่สุด จะช่วยลดความเสี่ยงจากเชื้อโรค และช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของ เชื้อไวรัส โควิด-19 ได้ แต่ความกังวลต่าง ๆ ก็ได้ทวีขึ้น จากประสบการณ์การใช้ชีวิตแบบระมัดระวังที่ผ่านมา กลายเป็นความกังวลใจที่ตามติดมาถึงในบ้าน

ผลสำรวจทางออนไลน์ ของกลุ่มธุรกิจซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี เมื่อเดือนพฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา จากจำนวนกลุ่มตัวอย่าง 1,300 คน พบว่าคนส่วนใหญ่ที่มีความจำเป็นต้อง Work from Home จะมีความกังวลหลัก ๆ อยู่ 3 อันดับแรกคือ

69% กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นโดยเฉพาะ “ค่าไฟ”

แน่นอนว่า Work from Home อยู่บ้านมากขึ้น ต้องใช้ไฟมากขึ้นตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นช่วงโควิด-19 ระบาด และอยู่ในช่วง ล็อกดาวน์ หรือ Work From Home ในเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม 2563 เป็นช่วงที่อากาศในเมืองไทยร้อนระอุ การที่ต้องทำงานอยู่บ้านในตอนกลางวัน จะยิ่งทำให้ต้องใช้ไฟฟ้ามากขึ้น อีกหลายเท่าตัวจากสถานการณ์ปกติ

52% กังวลเรื่องความสะอาดภายในบ้าน

เป็นที่รู้กันว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 สามารถติดต่อกันได้ผ่านการสัมผัสต่าง ๆ แม้ว่าจะล้างมือบ่อยแค่ไหน ก็มีโอกาสที่จะไปสัมผัสโดนเชื้อโรคได้ ไม่เว้นแม้แต่ในบ้าน โดยเฉพาะกิจกรรมที่จำเป็นต้องสัมผัสวัสดุ หรืออุปกรณ์ร่วมกันของสมาชิกทั้งบ้าน อย่างเช่น ห้องน้ำ โต๊ะ ลูกบิดประตู เป็นต้น

ภาพประกอบสถิติพฤติกรรมคนไทย

30% กังวลเรื่องความสะดวกสบาย

จากสถานการณ์ไม่ปกติที่ผ่านมา ทำให้คนส่วนใหญ่ปรับวิธีการใช้ชีวิต รวมถึงการทำงานจากเดิมมาที่บ้านมากขึ้น เลยจำเป็นต้องมองหาพื้นที่นั่งทำงานใหม่ ๆ ที่นอกจากให้ความสะดวกสบาย แสงสว่างเข้าถึง และอากาศถ่ายเทที่เพียงพอแล้ว ยังต้องการพื้นที่ที่อำนวยความสะดวก สำหรับสมาชิกในครอบครัวที่ต้องใช้เวลาอยู่ร่วมกันมากขึ้นที่บ้าน รวมทั้งยังสามารถสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานได้อีกด้วย

การปรับพื้นที่ใช้สอยทั้งภายใน และบริเวณภายนอกบ้าน ให้เป็นระเบียบและเป็นสัดส่วน เพื่อเอื้อต่อการทำงาน และอยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น จึงเป็นเรื่องที่คนให้ความสนใจ

สถิติใหม่ 22% คนนิยมรีโนเวทบ้าน

เมื่อได้ใช้เวลาอยู่บ้าน ทำกิจกรรมต่าง ๆ มากขึ้นทำให้ในช่วง ล็อกดาวน์ ที่ผ่านมา การรีโนเวทบ้าน จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นไปในทันที จากตัวเลข 22% พบว่าคนส่วนใหญ่นิยมปรับปรุง ตกแต่งบ้าน โดยแบ่งออกตามความสนใจและปัญหาของบ้านเป็นหลัก

อันดับแรก จะหันมาปรับพื้นที่ใช้สอยให้เป็นสัดส่วน และเป็นระเบียบมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น มุมทำงานใหม่, มุมพักผ่อนพักสายตา, การจัดพื้นที่สวนสวย หรือรองลงมาเป็นการแก้ไขปัญหาเรื่องบ้านร้อน อากาศไม่ถ่ายเท บ้านทรุด บ้านรั่ว รวมไปถึง ปรับปรุงบ้านเก่าที่ทรุดโทรมให้กลับมาใหม่ เป็นต้น

โซลูชันเดิม เพิ่มเติมคือ ตอบโจทย์ New Normal

ท่ามกลางการชะลอตัวของทุกธุรกิจ แต่บริการด้านการปรับปรุงบ้าน (Service Solution) จาก กลุ่มธุรกิจซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี กลับโตสวนกระแส หรือมีแนวโน้มเติบโต รวมถึงสามารถตอบโจทย์พฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ด้วยกันถึง 5 โซลูชัน ได้แก่ 1. Solar Roof ลดค่าไฟตอนกลางวัน และค่าใช้จ่ายในระยะยาว 2. นวัตกรรมลดบ้านร้อน Active AIRflow™ System และฉนวนกันความร้อน 3. Outdoor Living Solution ตกแต่งภายนอกจากวัสดุไฟเบอร์ซีเมนต์ และบล็อกปูพื้นคอนกรีต 4. ฉนวนกันเสียง ควบคุมเสียงภายใน และลดเสียงรบกวนจากภายนอก และ 5. กลุ่มสุขภัณฑ์และก๊อกน้ำอัตโนมัติ

แค่ New Normal ไม่พอ ต้อง Next Normal 

Next Normal ความปกติในบทใหม่ที่เข้ามาทักทาย จะมีการเปลี่ยนแปลงที่มากขึ้น ทั้งในแง่มุม พฤติกรรมคนไทย ในการการใช้ชีวิต การอยู่อาศัย การเดินทาง การใช้เทคโนโลยี ด้านความปลอดภัย ตลอดจนด้านสุขอนามัย ที่ต้องให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นต่อจากนี้

ทั้งนี้เมื่อเทียบวัดจาก ผลสำรวจของพฤติกรรมผู้บริโภค และตัวเลขการเติบโต ของบริการด้านการปรับปรุงบ้าน (Service Solution) ในภาพรวมทั้งหมด ของกลุ่มธุรกิจซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี พอจะบอกได้อย่างชัดเจนว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่หันมามองที่จุดเริ่มต้น ใส่ใจตนเอง ให้รายละเอียดกับสิ่งแวดล้อมรอบข้าง และครอบครัวเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงความต้องการที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น

ดังนั้น สิ่งที่แบรนด์ต้องทำคือ เดินหน้า เรียนรู้ และไม่เพียงแค่ตั้งรับ แต่ต้องคิดวิเคราะห์ในการพัฒนาสินค้าและบริการได้ทันที เพื่อให้สอดรับกับความต้องการและตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อยู่เสมอ ในทุก ๆ การเปลี่ยนแปลง โดยคำนึงบนพื้นฐานของการใช้ชีวิตในรูปแบบปกติใหม่ ที่มีคุณภาพ ความสะอาด ปลอดภัย และมาพร้อมกับความสะดวกสบายนั่นเอง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo