“พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” ยังจำเป็น “สมช.” แจงเหตุต้องต่อ เพื่อรับมือการผ่อนคลายกิจกรรมระยะที่ 5 ป้องกันการแพร่ระบาดสถานการณ์โควิด ยืนยันไม่มีนัยยะทางการเมือง
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เปิดเผยภายหลังการประชุมเพื่อประเมินความเหมาะสมในการขยายเวลาประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่า เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2563 มีการพิจารณาเรื่องสำคัญ คือ การผ่อนคลายกิจกรรม กิจการในระยที่ 5 ที่จะเริ่มในวันที่ 1 กรกฎาคม ซึ่งเรียกได้ว่า จะมีการผ่อนคลายทั้งหมด เช่น การเปิดเรียน การไม่จำกัดเวลาในการเปิดห้างสรรพสินค้า สถานบริการผับ บาร์ คาราโอเกะ อาบอบนวด ร้านเกม ซึ่งรายละเอียดตรงนี้ต้องเสนอให้ ศบค.ชุดใหญ่ พิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง ในวันจันทร์ที่ 29 มิถุนายนนี้
ส่วนการแข่งขันกีฬา จะให้มีผู้เข้าชมได้เมื่อไหร่นั้น ต้องรอดูการผ่อนคลายระยะที่ 5 ก่อน ถ้าสถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้น รวมถึงสถานการณ์โลกดีขึ้นค่อยพิจารณา เพราะ ศบค.ชุดเล็กจะประเมินกันเป็นรายวัน
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการ ได้พิจารณาเกี่ยวกับการขยายเวลาประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน ซึ่งเราดูในทุกมิติ ทั้งความมั่นคง ข่าวกรอง กฎหมายและสาธารณสุข ซึ่งเห็นควรให้ขยายเวลาออกไปอีก 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 – 31 กรกฎาคม 2563 เพราะกิจกรรมที่ได้รับการผ่อนคลายในระยะที่ 5 มีความล่อแหลมต่อการระบาดของโควิดมากที่สุด
ทั้ง “การเปิดเรียน” เราจึงต้องให้ความสำคัญในการป้องกันอย่างมาก จึงจำเป็นต้องใช้ พรก.ฉุกเฉิน ต่อไป เพราะหากไม่มี พรก.ฉุกเฉิน ก็ต้องใช้กฎหมายถึง 5 ฉบับมาแทนที่ แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะมีประสิทธิภาพเท่ากับ พรก.ฉุกเฉิน หรือไม่ เช่น พ.ร.บ.ควบคุมโรค ก็จะเน้นการแก้ปัญหาเฉพาะจุด ไม่ใช่การทำงานเชิงรุก กลยุทธ์ในการป้องกันโควิดของเราตั้งแต่แรก คือ ใช้ พรก.ฉุกเฉิน ควบคุมไม่ให้มีการนำโรคจากต่างประเทศเข้ามาสู่ประเทศไทย ซึ่งมีประสิทธิภาพ เป็นกลไกสำคัญ เมื่อเราจะผ่อนคลายกิจกรรมที่ล่อแหลมจึงต้องคงเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพนี้ต่อไป และเรื่องนี้ยังเป็นเพียงการพิจารณาของชุดเฉพาะกิจ ยังต้องเข้าที่ประชุม ศบค.และ ครม.ต่อไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายการเมืองออกมาโจมตีการประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน มีนัยยะแฝงทางการเมือง นอกเหนือจากการป้องกันโควิด พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า การประกาศ พรก.ฉุกเฉิน ไม่มีนัยยะทางการเมือง ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันและอนาคต เห็นได้จากเมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่มีการทำกิจกรรมทางการเมือง ก็ไม่มีการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไปดำเนินการ เพราะมีการ พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะอยู่
“เราใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ด้วยเหตุผลทางสาธารณสุขเป็นหลัก และเมื่อมีการประกาศผ่อนคลายเฟส 5 แล้ว ก็ไม่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน ที่สำคัญช่วง 1 เดือนนี้ เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เพราะสถานการณ์โลกยังมีความน่าเป็นห่วง แม้ประเทศเราดีแต่ก็กังวลเรื่องการระบาดรอบ 2 หากเป็นเช่นนั้นสิ่งที่เราทุ่มเทมาจะสูญเปล่า เราจึงต้องมีมาตรการที่สร้างความมั่นใจป้องกันการแพร่ระบาด นั่นคือการใช้ พรก.ฉุกเฉิน” พล.อ.สมศักดิ์ กล่าว
ส่วนการพิจารณา Travel Bubble นั้น เรื่องนี้มีการพูดคุยแต่ยังไม่มีข้อยุติในเร็ววันนี้ ต้องใช้วลาประมาณ 1 – 2 เดือน และปัจจุบันก็ยังไม่มีประเทศใดประสานเข้ามาแต่อย่างใด แต่ที่มีข้อยุติในเร็ววันคือ การเดินทางของนักธุรกิจ ที่ปัจจุบันมีบางส่วนเดินทางเข้ามาแล้ว ต้องถูกกักตัว 14 วัน แต่เราจะพิจารณาในส่วนของนักธุรกิจที่เข้ามาเพียงไม่กี่วัน จะให้เขาสามารถเดินทางไปทำธุรกิจต่อได้เลย ไม่ต้องกักตัว แต่ต้องมีมาตรการที่เข้มข้น คือ ต้องมีการตรวจโควิด อย่างน้อย 3 ครั้ง คือ ก่อนเดินทาง เมื่อมาถึงไทย และก่อนออกจากประเทศไทย รวมถึงระหว่างอยู่ประเทศไทยก็ต้องสามารถติดตามตัวได้ตลอด
“คาดว่าจะให้เขายื่นเรื่องเข้ามาให้เราพิจารณาได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป โดยประเทศที่เราจะพิจารณาในเบื้องต้น คือ ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ฮ่องกง และจีน บางเมือง ซึ่งเราจะพิจารณาถึงประเทศต้นทางว่ามีขีดความสามารถทางสาธารณสุขใกล้เคียงกับเรา และที่สำคัญการจะให้เข้ามานั้นต้องประเมินแล้วว่ามีประสิทธิภาพในการกระตุ้นเศรษฐกิจ”
ส่วนที่มีข้อกังวลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเพื่อรักษาการเจ็บป่วย (Medicai and wellness tourism) การท่องเที่ยวเชิงอุตสาหกรรมทางการแพทย์นั้น ยืนยันว่าผู้ที่เข้ามาจะไม่ใช่การเข้ามาเพื่อรักษาโควิด เพราะหากเป็นโควิดก็ไม่สามารถขึ้นเครื่องได้ตั้งแต่ต้น เวลาเข้ามาก็ต้องอยู่รักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลา 14 วัน และหากรักษาเสร็จสิ้นจะอยู่ต่อหรือไม่ก็ได้ ถือเป็นการขยายโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งมีหลายชาติให้ความสนใจในส่วนนี้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ด่วนมาก!! ‘ศบค.ชุดเล็ก’ เคาะต่อ ‘พ.ร.ก.ฉุกเฉิน’ อีก 1 เดือน
- นายกฯ ฮึ่ม กลุ่มเคลื่อนไหวรำลึก 24 มิถุนาฯ ระวัง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
- ‘นายกฯ’ ลั่น ‘พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ’ ยังจำเป็น เหตุติดเชื้อทั่วโลกพุ่งเกือบ 10 ล้านราย