ผ่อนปรนระยะ 5 ลุ้นเปิดน่านฟ้า ความหวังค้าปลีก กระตุ้นบรรยากาศการจับจ่ายดีขึ้น เผยช่วงล็อกดาวน์ กำลังซื้อจีน เอเชีย วูบหนัก
น.ส. วรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า จากการเตรียม ผ่อนปรนระยะ 5 คาดว่า จะส่งผลให้บรรยากาศการจับจ่ายของผู้บริโภค กระเตื้องขึ้น หลังจากเริ่มเห็นสัญญาณที่ดี มาตั้งแต่การไฟเขียว ให้เปิดบริการ ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และสถานบริการต่างๆ มากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ ไวรัสโควิด – 19 ของประเทศไทย ที่จำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ในประเทศ เป็นศูนย์ต่อเนื่อง 30 วัน ส่งผลให้ลูกค้าชาวไทย มีความมั่นใจ และ ออกมาจับจ่ายซื้อสินค้ามากขึ้น รวมถึงมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ ระยะ 5 ตามที่ภาครัฐเตรียมประกาศใช้ในวันที่ 5 กรกฎาคมนี้
“ทั้งหมดนี้ นับเป็นปัจจัยบวก ต่อผู้ประกอบการธุรกิจ ประเภทต่างๆ ที่เตรียมเปิดปิดให้บริการธุรกิจ ได้ตามเวลาปกติ ซึ่งแน่นอนว่า จะเป็นการกระตุ้นบรรยากาซ การช้อปปิ้ง ไปพร้อมกัน”น.ส. วรลักษณ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม คาดว่า ภาพรวมค้าปลีกในปีนี้ จะติดลบไม่ต่ำกว่า 2 หลัก จากผลกระทบของไวรัสโควิด -19 และมาตรการล็อกดาวน์ ที่ส่งผลให้กำลังซื้อในประเทศลดลง รวมถึงกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไป โดยเฉพาะ จีน และ กลุ่มลูกค้าเอเชีย ที่เป็นกลุ่มผู้ซื้อหลัก จากสัดส่วนลูกค้าต่างชาติ ประมาณ 50-60%
จากจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ในประเทศเป็นศูนย์ต่อเนื่อง 30 วัน ที่ส่งผลให้ลูกค้ามีความมั่นใจเดินทางออกมาจับจ่ายซื้อสินค้ามากขึ้น รวมถึงมาตรการ ผ่อนปรนระยะ 5 ที่จะนำเข้า ที่ประชุมใหญ่ ศบค.วันที่ 1 กรกฏาคม 2563 จะเป็นปัจจัยหนุนให้ภาพรวมเศรษฐกิจ ฟื้นตัวดีขึ้น
ขณะที่ ภาพรวมอุตสาหกรรมค้าปลีกไทย ในครึ่งหลังนี้ ยังต้องพึ่งพากำลังซื้อผู้บริโภคในประเทศเป็นหลัก หากไทยยังไม่เปิดน่านฟ้า เมื่อเทียบกำลังซื้อชาวไทย กับกำลังซื้อนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว กำลังซื้อลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน ถือเป็นกำลังซื้อที่มีมูลค่าสูงกว่ามาก
ขณะเดียวกัน จากมาตรการล็อกดาวน์ ประเทศไทย ในช่วงที่ผ่านมา ยังพบว่าส่งผลให้ พฤติกรรมผู้บริโภคคนไทย เปลี่ยนไป โดยเฉพาะพฤติกรรมการช้อปปิ้ง ในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจน หลังจากกลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้งคือ ลูกค้าที่มาเดินเพื่อตากแอร์ ลดลง และกลายเป็นกลุ่มลูกค้าที่ต้องการมาซื้อสินค้ามากขึ้น
นอกจากนี้ ยังพบว่า นักช้อปปิ้ง ยุค New Normal จะใช้เวลาในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ลดลง รวมทั้งซื้อสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวันมากขึ้น ตลอดจนหันไปซื้อสินค้าออนไลนฺ์ เพิ่มมากขึ้น ทำให้ ค้าปลีก ต้องปรับตัวให้รับกับ พฤติกรรมของนักช้อป ที่เปลี่ยนแปลงไป
ในช่วงการแพร่ระบาด ของไวรัส โควิด-19 ที่ผ่านมา ยังพบว่า ความต้องการสินค้าของผู้บริโภคเปลี่ยนไป โดยกลุ่มสินค้าขายดี จะเป็นกลุ่มเครื่องสำอาง สินค้าไอที เช่น แท็ปเล็ต หรือ ไอแพด เนื่องจากจำเป็นต้องใช้ ในการเรียนออนไลน์
ส่วนสินค้าเครื่องสำอาง เติบโตจากการทำงานที่บ้าน ซึ่งต้องมีการประชุมออนไลน์ ทำให้ต้องเตรียมความพร้อม อยู่เสมอ เพื่อร่วมประชุม รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มเครื่องปรับอากาศ เครื่องครัวชิ้นเล็ก โดยเฉพาะ หม้อทอดไร้น้ำมัน ที่ยอดขายถล่มทลายมาก เป็นต้น
ผ่อนคลายมาตรการระยะ 4 ที่ผ่านมามีทั้งหมด 12 ด้าน ได้แก่
1. โรงเรียนและสถาบันการศึกษา เพื่อการจัดการเรียนการสอน การฝึกอบรม
2. สถานรับเลี้ยงเด็กและสถานดูแลผู้สูงวัย แบบรายวัน
3. ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา
4. ห้องประชุม ที่มีการรวมกลุ่มคนมากกว่า 200 คน
5. การถ่ายทำรายการภาพยนตร์และวีดิทัศน์
6. อุทยานแห่งชาติ และสวนรุกขชาติ เฉพาะพื้นที่ที่ส่วนราชการกำหนดและสามารถปฏิบัติตามมาตรการได้
7.ชายหาด ชายทะเล เฉพาะพื้นที่ที่ส่วนราชการกำหนดและสามารถปฏิบัติตามมาตรการได้
8. สวนสนุก สวนน้ำ สนามเด็กเล่น ร้านเกมส์
9. สนามกีฬา โรงยิม สถานที่ออกกำลังกาย สำหรับการฝึกซ้อมหรือแข่งขันกีฬา
10. การจัดแสดงคอนเสิร์ต งานอีเวนท์ จัดแสดงสินค้า พื้นที่เกิน 20,000 ตารางเมตร
11. สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ
12. สถานบริการอาบอบนวด
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- สยามพิวรรธน์ แนะ เปิด Travel Bubble ซีแอลเอ็มวี – หนุนเที่ยวกทม. แชร์งบ เที่ยวปันสุข ลงค้าปลีก
- ‘วอชิงตัน ดี.ซี.’ เตรียมเปิดเมืองระยะ 2 ไฟเขียวร้านค้าปลีก-กินอาหารในร้าน
- ค้าปลีก New Normal แข่งออนไลน์เดือด ซัด อีมาร์เก็ตเพลส ขาดทุนต่อเนื่อง
