ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก “ครูจอมทรัพย์” 2 ปี 8 เดือน ในคดีสร้างหลักฐานเท็จ ที่ยืดเยื้อกันมานาน และพัวพันจำเลยหลายคน
วันนี้ (24 มิ.ย.) ผู้พิพากษาศาลจังหวัดนครพนม ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ในคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดนครพนม เป็นโจทก์ฟ้องจำเลย 8 คนด้วยกัน ในข้อหาร่วมกันสร้างหลักฐานเท็จต่อเจ้าพนักงานฯ ประกอบด้วย
- นางจอมทรัพย์ ศรีบุญหอม นามสกุลเดิม แสนเมืองโคตร
- นายสุริยา นวนเจริญ หรือครูอ๋อง
- นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์
- นางรจนา จันทรัตน์
- นายเสน่ห์ สุพรรณ
- น.ส.วาสนา เพ็ชรทอง
- นายนิรันดร์ แสนเมืองโคตร
- นางทองเรศ วงศ์ศรีชา
ศาลใช้เวลาอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ประมาณ 1 ชั่วโมง โดยวินิจฉัยแก้คำพิพากษาของศาลชั้นต้น ให้จำคุกจำเลยที่ 1 คือนางจอมทรัพย์ เป็นเวลา 2 ปี 8 เดือน จำเลยที่ 2 นายสุริยา หรือ ครูอ๋อง เป็นเวลา 1 ปี 3 เดือน จำเลยที่ 3 นางทัศนีย์ 2 ปี จำเลยที่ 7 นายนิรันดร์ 1 เดือน 10 วัน และจำเลยที่ 8 นางทองเรศ 1 ปี 6 เดือน
ส่วนจำเลยที่ 4,5 และ 6 ศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้อง ยืนตามการตัดสินของศาลชั้นต้น
ก่อนที่ทั้งหมดจะขึ้นไปฟังคำพิพากษา นางจอมทรัพย์ ที่เดินทางมาศาลพร้อมกับบุตรชาย และญาติ ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆ ส่วน นายประทีป นวลเศรษฐ ทนายความนางจอมทรัพย์กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ยังพอมีความหวังว่าศาลจะเมตตา
เปิดไทม์ไลน์คดี ครูจอมทรัพย์
คดีมหากาพย์ดังกล่าว สืบเนื่องจากกรณีนางจอมทรัพย์ ตกเป็นจำเลยในข้อหา ขับรถยนต์ชนนายเหลือ พ่อบำรุง เสียชีวิต เมื่อปี 2548 เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.นาโดน ตำบลสร้างเม็ก อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม
ทั้ง 2 ฝ่ายได้มีการสู้คดีกันถึง 3 ศาล ก่อนที่ในวันที่ 24 กันยายน 2556 ศาลฎีกาพิพากษาตัดสินจำคุกนางจอมทรัพย์ 3 ปี 2 เดือน แต่นางจอมทรัพย์จำคุกแค่ 1 ปี 6 เดือน ก็ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ออกจากเรือนจำกลางนครพนม เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2558 หลังพ้นโทษได้ร้องขอความเป็นธรรมเพื่อให้กระทรวงยุติธรรมช่วยรื้อฟื้นคดีใหม่ โดยอ้างว่าตนเองตกเป็นแพะ
วันที่ 9 มกราคม 2560
พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดยุติธรรม พร้อมด้วยนายนิธิต ภูริคุปต์ เลขานุการศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ได้เข้าไปช่วยเหลือนางครูจอมทรัพย์ในการยื่นคำร้องต่อศาลขอให้รื้อคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่ โดยนางจอมทรัพย์ ยืนยันว่าขณะเกิดเหตุตนอยู่กับครอบครัวที่บ้าน ซึ่งอยู่ที่จังหวัดสกลนคร
วันที่ 10 พฤศจิกายน 2559
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งให้รื้อฟื้นคดี ตามที่นางจอมทรัพย์ร้องขอ เนื่องจากเห็นว่า คำร้องมีมูลพอที่จะรื้อฟื้นคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่ได้
นางจอมทรัพย์ อ้างว่ามีหลักฐานกรณี นายสับ วาปี ยื่นคำร้องขอชำระเงินแทนตัวเองเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2557 ซึ่งเป็นวันที่ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาให้นางจอมทรัพย์ ชำระเงิน 170,000บาท ให้กับบุตรของผู้ตาย
นายสับยังให้ข้อเท็จจริงกับนางจอมทรัพย์ว่า ตัวเองเป็นคนขับรถชนผู้ตาย และได้หลบหนี แต่ต่อมาทราบข่าวว่านางจอมทรัพย์ ถูกจำคุกทั้งที่ไม่ได้เป็นผู้กระทำจึงสำนึกผิด
กุมภาพันธ์ – พฤจิกายน 2560
ศาลจังหวัดนครพนมนัดสืบพยาน ตามที่นางจอมทรัพย์ร้องขอใน พ.ร.บ.การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นมาพิจารณาใหม่ โดยอ้างชื่อนายสับ วาปี ที่ออกมายอมรับว่า เป็นคนขับรถชนคนตายตัวจริง ซึ่งเป็นเหตุให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 รับรื้อฟื้นคดีดังกล่าว
นายสับจึงมีความสำคัญต่อคดีนี้เป็นอย่างมาก เพราะนั่นเท่ากับว่านางจอมทรัพย์ไม่ได้ขับรถชนคนตาย ทำให้ตำรวจตกเป็นจำเลยของสังคมในทันที
หากนางจอมทรัพย์สามารถรื้อฟื้นคดีได้สำเร็จ ก็สามารถลบล้างมลทินได้ทั้งหมดที่เคยรับโทษมาก่อนหน้านี้ และสามารถกลับเข้าไปรับราชการได้เหมือนเดิม หากเกษียณก็จะได้รับบำนาญตลอดชีวิต
นอกจากนี้ จะได้รับค่าเยียวยาจากการถูกคุมขังวันละ 500 บาท ซึ่งถูกติดคุก 1 ปี 6 เดือน เป็นเวลา 545 วัน คิดเป็นเงินจำนวน 272,500 บาท ตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนแก่ผู้เสียหาย และค่าทดแทน และค่าใช้จ่าย แก่จำเลยในคดีอาญาฉบับใหม่ และยังมีสิทธิที่จะขอค่าเยียวยาจากกระทรวงศึกษาธิการได้ในช่วงที่อยู่ในเรือนจำ
ทั้งยังสามารถฟ้องร้องทางแพ่ง เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งทำให้ตนเองขาดประโยชน์ในการประกอบอาชีพอีกด้วย
ต่อมา พ.ต.ท.ทงศักดิ์ โพธิ์โหน่ง พนักงานสอบสวน สภ.เรณูนคร เจ้าของคดี (สภ.นาโดน ท้องที่เกิดเหตุในขณะนั้นไม่มีอำนาจการสอบสวน) ออกมายืนยันว่า พยานหลักฐานที่รวบรวมไว้ เชื่อมโยงได้ทุกขั้นตอนไม่มีเลศนัย ไม่ได้เรียกร้องรับผลประโยชน์ใดๆ จากผู้ใดทั้งสิ้น ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต
ด้าน พล.ต.อ. ปัญญา มาเม่น จเรตำรวจแห่งชาติ (ในขณะนั้น) ยืนยันว่า การขอรื้อคดีของนางจอมทรัพย์ พบสิ่งผิดปกติหลายอย่าง และมีขบวนการรับจ้างรับติดคุก โดยมีผู้ร่วมขบวนการประมาณ 6 คน เป็นข้าราชการ อดีตข้าราชการ และพลเรือนแบ่งหน้าที่กันทำ เพื่อหาประโยชน์จากเงินเยียวยา
นอกจากนี้ ยังมีพยานสำคัญที่ตำรวจได้สอบปากคำ คือ อดีต ส.ว.มุกดาหาร ที่เคยได้รับการติดต่อว่าจ้าง ให้ทำหน้าที่ทนายความคดีนี้ และยังพบว่า ขบวนการนี้เริ่มเคลื่อนไหว หลังจากศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกฟ้องนางจอมทรัพย์ คล้ายกับเห็นช่องทางแสวงหาผลประโยชน์
การสืบสวนยังพบอีกว่า ขบวนการนี้ทำมาแล้วหลายครั้งในพื้นที่ภาคอีสาน มีทั้งที่ทำสำเร็จ และไม่สำเร็จ ส่วนในความเคลื่อนไหวของนางจอมทรัพย์ มีการรับและจ่ายเงินให้คนในขบวนการบางส่วนแล้ว
วันที่ 17 พฤศจิกายน 2560
ศาลฎีกาได้ออกนั่งบัลลังก์ พิจารณายกคำร้องของนางจอมทรัพย์ หลังพยานหลักฐานต่างๆ ไม่น่าเชื่อถือ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งความดำเนินต่อขบวนการจ้างแพะช่วยแกะ
เริ่มจากนายสับเข้ามอบตัว พร้อมเปิดปากรับสารภาพว่าไม่ได้ขับรถชนคนตายตามที่ให้การต่อตำรวจในตอนต้น แต่มีนายสุริยา หรือครูอ๋อง มาติดต่อและรับปากจะให้เงิน 4 แสนบาท แลกกับการรับผิดแทน แต่ยังไม่มีการจ่ายเงินกัน
วันที่ 24 พฤศจิกายน 2560
ศาลจังหวัดนครพนมอนุมัติหมายจับ ครูจอมทรัพย์ และพวก ในคดีซ่องโจร และให้การเท็จต่อศาล
หลังศาลออกหมายจับ เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกจับกุมครูจอมทรัพย์ในบ้านพัก เขตอำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร พร้อมฝากขังศาลจังหวัดนครพนม โดยไม่อนุญาตให้ประกันตัว
ขณะที่นายสุริยาห หรือครูอ๋อง หลบหนีออกจากบ้าน ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ที่สถานีรถไฟหลักสี่ กทม.
ส่วนจำเลยรายอื่นๆ ถูกดำเนินคดีตามที่หลักฐานพยานโยงไปถึง
วันที่ 6 มีนาคม 2562
ศาลชั้นต้น จังหวัดนครพนม ได้มีคำพิพากษาดังนี้
- นางจอมทรัพย์ ศรีบุญหอม หรือ แสนเมืองโคตร จำคุก 8 ปี ในข้อหาสร้างหลักฐานเท็จ
- นายสุริยา นวนเจริญ หรือครูอ๋อง จำคุก 7 ปี 9 เดือน
- นายนิรันดร์ แสนเมืองโคตร อดีตสามีนางจอมทรัพย์ 2 ดือน ในข้อหาสร้างหลักฐานเท็จ
- นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ จำคุก 2 ปี 19 เดือน
- นางทองเรศ วงศ์ศรีชา จำคุก 2 ปี 12 เดือน
ส่วนจำเลยที่ 6-8 คือนายเสน่ห์ สุพรรณ นางรจนา จันทรัตน์ และ น.ส.วาสนา เพ็ชรทอง ศาลได้พิพากษายกฟ้อง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ขังเดี่ยว ‘บรรยิน’ วงจรปิดจับตา 24 ชม. เตรียมกำลัง ‘หนุมาน’ สนับสนุนขึ้นศาลทุกครั้ง
- ศาลตัดสินจำคุก ‘แหลมเกต’ 1,446 ปี ฐานหลอกขายเวาเชอร์ซีฟู้ดราคาถูก
- ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง ‘8 กปปส.’ ขวางเลือกตั้งล่วงหน้าเขตทุ่งครุ ปรับแกนนำ 2 หมื่น