Politics

7 พรรคเล็กดัน ‘เต้ มงคลกิตติ์’ เสียบรัฐมนตรี เจ้าตัวเผยถนัดงาน ‘เศรษฐกิจ’

7 พรรคเล็กดัน “เต้ มงคลกิตติ์” เสียบเก้าอี้รัฐมนตรีตอนปรับ ครม. โวประชาชนยอมรับ ด้านเจ้าตัวพร้อมรับเก้าอี้ เผยถนัดงานด้าน “เศรษฐกิจ”

นายพิเชษฐ สถิรชวาล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย เปิดเผยว่า กลุ่มพรรคเล็กไม่เคยเรียกร้องให้มีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ถ้ามีการปรับ ครม. ก็ขอให้พิจารณานำพรรคเล็กเข้าไปร่วมทำงานด้วย ในฐานะที่พรรคเล็กทั้งหมด 11 พรรคได้ร่วมก่อตั้งรัฐบาล โดยขอให้มีตัวแทนพรรคเล็กเป็นรัฐมนตรี เพื่อขับเคลื่อนนโยบาย

พิเชษฐ สถิรชวาล
พิเชษฐ สถิรชวาล

ประชาชนยอมรับ

โดยปัจจุบัน 11 พรรคเล็ก มีอย่างน้อย 7 พรรค ที่ให้การสนับสนุนนาย มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้า พรรคไทยศรีวิไลย์ เป็นตัวแทนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ในทางการเมืองต้องอยู่ด้วยการเจรจาและลายลักษณ์อักษร ถ้าตนเองไม่มีอะไรอยู่ในมือคงไม่กล้าออกมาแถลง อย่าให้ต้องประจานไปมากกว่านี้ อยากให้เป็นเรื่องภายในของพรรคการเมืองทั้ง 11 พรรค

แต่เมื่อเป็นประเด็นออกมาแล้ว ทำให้ตนเองต้องออกมาชี้แจง ขณะนี้ประชาชนยอมรับนายมงคลกิตติ์ ทั้งผลงานและการวางตัว คนจะมาบริหารประเทศต้องทันกับเหตุการณ์ ตนเป็นเองไม่ได้ เพราะไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ NEW NORMAL

“ผมยอมรับว่าผมไปทาบทามทุกคน มีคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย สาเหตุที่ทำไมต้องเป็นคุณ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ผมดูแล้วเด็กคนนี้น่าจะเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติ การจะทำให้เกิดการยอมรับคุณมงคลกิตติ์ก็ต้องคุยกับพรรคเล็ก และดูผลงานในสภาและการเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาประเทศ เท่าที่อยู่ด้วยกันมา 1 ปีที่เป็นฝ่ายค้านอิสระ ผมได้มีโอกาสในการแนะนำว่าจะวางตัวอย่างไร ผมคิดว่าคุณมงคลกิตติ์เปลี่ยนนิสัยค่อนข้างมาก” นายพิเชษฐกล่าว

มงคลกิตติ์

แล้วแต่ผู้ใหญ่

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า แล้วแต่ผู้ใหญ่ในพรรคเล็ก เพราะตนน่าจะเด็กสุดในกลุ่ม 11 พรรคเล็ก และแล้วแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะพิจารณา ส่วนปัจจุบันตนยังทำหน้าที่เป็น ส.ส. และกรรมาธิการอีกหลายคณะ ซึ่งยังทำหน้าที่ปกติเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

เมื่อถามถึงกระแสความขัดแย้งกันเองในพรรคเล็ก ภายหลังจากที่มีการเสนอชื่อนายงมงคลกิตติ์เป็นรัฐมนตรี จะต้องมีการไปพูดคุยกับกลุ่มที่ไม่ได้โหวตเลือกหรือไม่ นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่าคงเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ ตนไม่เกี่ยวคงพูดอะไรไม่ได้ แต่เราอยู่ด้วยกันมานานไม่มีทางแตก

เมื่อถามคิดว่าตนเองถนัดงานรัฐมนตรีด้านไหน นาย มงคลกิตติ์ กล่าวว่า พร้อมทุกอย่างที่จะสามารถแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนอย่างเต็มความสามารถเท่าที่พลังยังมีอยู่ และต้องขับเคลื่อนสิ่งที่คิดว่าเป็นประโยชน์ให้กับส่วนรวม

ปัจจุบันวิกฤตเศรษฐกิจถือว่าหนักมาก ตนพยายามเสนอแนวทางหารายได้เข้าประเทศ ไม่ว่าจการร่วมตั้งกรรมาธิการคลองไทย รวมถึงการเสนอตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาความเป็นไปได้เปิดเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ซึ่งน่าจะสามารถนำรายได้ใต้ดินมาอยู่บนดินเพื่อมาแก้ไขปัญหาสิ่งที่ประชาชนที่เดือดร้อนอยู่ เหมือนเอาเงินที่ไม่ถูกต้องมาทำให้ถูกต้อง เพื่อมาดูแลประชาชนในภาพรวม

เมื่อถามย้ำว่าหากได้เป็นรัฐมนตรีจะนั่งกระทรวงเศรษฐกิจใช่หรือไม่ นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า แล้วแต่ผู้ใหญ่จะตัดสินใจ แต่หากไม่ได้เป็นรัฐมนตรีก็ยืนยันที่จะยังอยู่กับรัฐบาลนี้ต่อไป โดยทำหน้าที่ ส.ส. เช่นเดิม

สำหรับกรณีที่พรรคเล็กเริ่มย้ายไปอยู่พรรคใหญ่กันแล้ว พรรคไทยศรีวิไลย์จะย้ายไปด้วยหรือไม่ นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ยังต้องการขับเคลื่อนพรรคไทยศรีวิไลย์เหมือนเดิม เพราะถือว่าเป็นพรรคที่คล้ายกับอนุรักษ์นิยม แต่เป็นอนุรักษ์นิยมสมัยใหม่เพราะตนเป็นคนเจนวาย(Gen Y) ยังสามารถทำความเข้าใจกับคนรุ่นใหม่ได้ และพรรคไทยศรีวิไลย์ต้องการเป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

fig 22 06 2020 10 26 43

ส.ส. เต้ พระราม 7 ดันโปรเจ็คคลองไทย-เปิดคาสิโน

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2563 นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เพิ่งโพสต์ผ่านเฟสบุ๊ก มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เพื่อแสดงแนวคิดพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมยุค New Normal มีเนื้อหาสำคัญดังนี้

“…ผมจึงอยากให้รัฐบาลเร่งลงมือดำเนินโครงการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ อย่างเร่งด่วน โดยใช้วิธีการลงทุนแบบ ให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ Public Private Partnership(PPP) โดยที่รัฐบาลไม่ต้องใช้เงินภาษีไปลงทุน ซึ่งผมเองก็เป็น 1 ใน คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม สังคม ความมั่นคง และการเมือง คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งผมก็ผลักดันเต็มตัว ร่วมกับ พล.ต.ทรงกลด ทิพย์รัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ หัวหน้าพรรคพลังชาติไทย ที่เป็นหัวหอกตั้งแต่ต้น กับ เพื่อน ส.ส. สว. จำนวนมาก อีกทั้งก็มีกลุ่มทุนธุรกิจขนาดใหญ่ต่างชาติ อาทิ อเมริกา จีน มาเลเซีย สิงคโปร์ ฯลฯ สนใจร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าว

ซึ่งโครงการดังกล่าว จะมีมูลค่าการลงทุนกว่า 2-4 ล้านล้านบาท ในระยะเวลา 5 ปี เกิดการสร้างงาน หลายแขนง ธุรกิจต่อเนื่องอีกหลายธุรกิจ ถ้าทำสำเร็จประเทศไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจด้านการขนส่งในทวีปเอเซียอาคเนย์ก็ว่าได้ รายได้ที่จะเกิดขึ้นมีมูลค่าอย่างต่ำกว่า ปีละ 1 ล้านล้านบาท

อีกส่วนหนึ่งที่ต้องผลักดันเพื่อสร้างรายได้ให้ประเทศไทยหลังโควิด-19 จบ มีวัคซีน คือ โครงการสร้างเอ็นเตอร์เทรนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ที่มี คาสิโน สวนสนุก โรงแรม อื่นๆ เปิด คาสิโน ถูกกฎหมายทั้งเล่นจริงและออนไลน์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกว่าปีละ 40-60 ล้านคน มาใช้บริการ ซึ่งจะทำรายได้ กว่าปีละ 2 ล้านล้านบาท ภาษีเข้ารัฐกว่า 1.6 ล้านล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นหนี้สาธารณะ 7.0 ล้านล้านบาท หนี้พันธบัตรรัฐบาล สวัสดิการที่ต้องทำให้พี่น้องประชาชนชาวไทย 66 ล้านคน สามารถดูแลได้ทั้งหมด…”

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo