World News

ก่อกวนงานหาเสียงทรัมป์ ที่โอกลาโฮมา ‘ผู้ใช้ TikTok – แฟนเคป๊อป’ ร่วมด้วย

ก่อกวนงานหาเสียงทรัมป์ สำเร็จ บรรดาผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน “Tik Tok” และแฟนเพลงศิลปินเกาหลีใต้ หรือ เคป๊อป (K-pop)  ถูกระบุว่า มีส่วนร่วมกับการที่ตัวเลขคนจองที่นั่งมากเกินความจริง ในการปราศรัยหาเสียงครั้งแรก ในรอบหลายเดือน ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ 

ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ รวมทั้ง TikTok แอปวีดิโอยอดนิยมของวัยรุ่น ถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลัง ก่อกวนงานหาเสียงทรัมป์ ด้วยการแกล้งลงทะเบียนหลอก ๆ เพื่อจองที่นั่งในการปราศรัยหาเสียงของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่เมืองทัลซา รัฐโอกลาโฮมา โดยตั้งใจไม่ไปร่วมฟังการหาเสียงจริง ๆ

ก่อกวนงานหาเสียงทรัมป์

ก่อนหน้าการปราศรัยจะเริ่มขึ้น นายแบรด พาร์สเกล ผู้จัดการคณะหาเสียงของทรัมป์ ระบุว่า มีผู้ จองตั๋วที่นั่ง ในสนามกีฬา BOK Center เข้ามามากกว่า 1 ล้านคน ในขณะที่สนามกีฬานั้นมีความจุเพียง 19,000 ที่นั่ง

แต่เมื่อการปราศรัยเริ่มขึ้น ปรากฎว่ามีที่นั่งว่างจำนวนมาก โดยสื่อหลายสำนักระบุว่า ผู้เข้าร่วม ฟังประธานาธิบดีทรัมป์หาเสียงครั้งนี้ มีจำนวนประมาณ 6,000 คน ซึ่งน้อยกว่าที่คาดไว้มาก

นายพาร์สเกล กล่าวโทษว่า เป็นเพราะสื่อกระแสหลัก ที่ทำให้ผู้ลงทะเบียนจำนวนมาก ไม่มาร่วมงาน และอ้างว่า เป็นเพราะการประท้วง ต่อต้านการเหยียดผิว หรือ Black Lives Mattter บริเวณหน้าสนามกีฬาดังกล่าวด้วย

แต่ นางสาวอเล็กซานเดรีย โอคาซิโอ-คอร์เตซ ส.ส.หญิงพรรคเดโมแครต ทวีตข้อความ ตอบโต้นายพาร์สเกลว่า บรรดาวัยรุ่นผู้ใช้ TikTok และ แฟนเพลงเค-ป๊อป คือผู้อยู่เบื้องหลังที่แท้จริง คนเหล่านี้ จองตั๋วที่นั่ง เกินความจริง ทำให้ตัวเลขผู้ร่วมงาน เหมือนจะสูงมาก

ส.ส.หญิงรายนี้ ยังกล่าวขอบคุณไปถึงวัยรุ่นเหล่านั้น สำหรับการร่วมต่อสู้ เพื่อความยุติธรรมด้วย

ทางด้านซีเอ็นเอ็น รายงานว่า สมาชิก TikTok รายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า #TikTokGrandma คือผู้นำในการรณรงค์นี้ โดยมีคนกดไลค์วีดิโอ ที่ผู้ใช้รายนี้ โพสต์ลงในสื่อสังคมออนไลน์ มากกว่า 7 แสนครั้ง ด้วยกัน

นอกจากนี้ ยังมีแฟนเพลงเค-ป็อป 2 คน ที่ออกมาให้สัมภาษณ์สำนักข่าว ทางโทรศัพท์ เมื่อวานนี้ (21 มิ.ย.) ว่า พวกเขาได้ไปลงทะเบียน จองคนละ 2 ที่นั่ง โดยไม่ได้ใช้ชื่อ และข้อมูลจริง

หนึ่งใน 2 คนนี้ บอกว่า สาเหตุที่เธอเข้าร่วม ในการจองที่นั่งฟังปราศรัยปลอมนี้ เพราะการจัดหาเสียงนี้ เป็นการหาเสียงที่เกิดขึ้นในเมืองทัลซา ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ ความรุนแรง จากการเหยียดผิว ต่อชาวอเมริกัน เชื้อสายแอฟริกัน ที่นองเลือดที่สุด เมื่อราว 100 ปีที่แล้ว

ทั้งนี้ การจัดหาเสียงของทรัมป์ครั้งนี้ ยังทำให้มีความวิตกกังวลว่า อาจเพิ่มการระบาดของโควิด-19 รุนแรงยิ่งขึ้น เนื่องจากผู้สนับสนุนส่วนใหญ่ ที่เข้าร่วมฟังการปราศรัย ไม่สวมหน้ากากอนามัย  แต่ก็มีบางส่วน ยอมสวมเฟซ ชิลด์ ที่มีข้อความเขียนว่า ทำให้อเมริกา กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง หรือ Make America Great Again ซึ่งเป็นคำขวัญที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ใช้ในระหว่าง การหาเสียง

การปราศรัยครั้งนี้ ผู้จัดงานยังให้เข้าร่วมชุมนุมลงชื่อทำสัญญายอมรับความเสี่ยง ในการติดเชื้อไวรัสโควิด-19  และไม่ฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้จัดงานในทุกกรณี หากมีการเจ็บป่วยจากไวรัสนี้

ในการปราศรัยหาเสียงครั้งแรกของทรัมป์ นับตั้งแต่เดือนมีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้น ของมาตรการล็อกดาวน์ เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐ ผู้นำสหรัฐ ยังได้กล่าวอ้างชัยชนะในการควบคุมโควิด-19 ที่ทำให้ชาวอเมริกันเสียชีวิตไปแล้ว 120,000 ราย

ทรัมป์ ระบุว่า เขาทำหน้าที่รับมือกับการระบาดครั้งนี้ได้เป็นอย่างดี แม้จะมีรายงานว่าทีมงาน 6 คน ที่จัดการชุมนุมทางการเมืองครั้งนี้  ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19

เขากล่าวโจมตีคู่แข่ง จากพรรคเดโมแครตด้วยว่า นายโจ ไบเดน เป็นเสมือนหุ่นเชิดของกลุ่มแนวคิดฝ่ายซ้ายสุดโต่ง และว่า เขาจะเอาชนะนายไบเดน ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่จะมีขึ้นในอีก 5 เดือนข้างหน้า

ผู้นำสหรัฐ ยังกล่าวถึงผู้ที่อยู่ในสนามกีฬานี้ว่าเป็น “นักรบ” พร้อมกับกล่าวโทษสื่อ และผู้ประท้วงที่ทำให้ผู้สนับสนุนเขาไม่มางานนี้

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

Avatar photo