Politics

‘พล.ต.อ.จักรทิพย์’ ห่วงนักเรียน-นักศึกษาเคลื่อนไหว ย้ำ!! ไม่อยากดำเนินคดี

“พล.ต.อ.จักรทิพย์” ยันมีการเฝ้าระวังกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่แล้ว แม้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รับห่วงความเคลื่อนไหวของกลุ่มนักเรียน-นักศึกษา ยันตำรวจไม่อยากดำเนินคดี

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวที่สุ่มเสี่ยงกระทำผิดกฎหมายมาตรา 112 หลังพบมีความเคลื่อนไหวมากขึ้นว่า มีฝ่ายสืบสวน ติดตามรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานโดยตลอดอยู่แล้ว หากความเคลื่อนไหวใด ที่เข้าข่ายกระทำความผิด และมีพยานหลักฐานค่อนข้างชัดเจน ก็จะนำเข้าที่ประชุม เพื่อพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ส่วนที่มีความกังวลว่า หลังประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว จะมีความเคลื่อนไหวมากขึ้นนั้น ผบ.ตร. ยืนยันว่า มีการเฝ้าระวังกลุ่มผู้กระทำความผิด อีกทั้งเรื่องการดำเนินคดีตามกฎหมายมาตรา 112 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แสดงจุดยืนในเรื่องนี้ไปแล้ว

พล.ต.อ.จักรทิพย์

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า กังวลและห่วงความเคลื่อนไหวของกลุ่มนักเรียน – นักศึกษา ที่อาจถูกชักจูงไปกระทำผิด บางคนเข้าร่วมโดยรู้ข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วน หรือ ถูกบิดเบือนข้อเท็จจริง จึงอยากให้พิจารณาให้ดี เพราะที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองกลุ่มใด มักถูกดำเนินคดีตามหมาย และ หลายคดีเข้าสู่กระบวนการในชั้นศาลไปแล้ว

“ขอฝากถึงกลุ่มเยาวชน ที่กำลังเคลื่อนไหว อย่ากระทำการที่ผิดกฎหมาย เพราะอาจส่งผลต่ออนาคตได้ ส่วนกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่มีความผิดติดตัว และ หลบหนีออกนอกประเทศ เรื่องการติดตามจับกุม เป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคง ในส่วนของตำรวจ จะเฝ้าระวังเรื่องความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เป็นหลัก พร้อมฝากเตือน กลุ่มที่ติดตามโซเชียลมีเดีย ให้ระมัดระวังข้อมูลที่บิดเบือนข้อเท็จจริง และ อาจตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองได้ ย้ำว่า ตำรวจไม่อยากดำเนินคดีกับ นักเรียน นักศึกษา” พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าว

99253558 3242563209127194 7657574651773583360 n

ด้านพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึง สถิติการจับกุมผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หลังมีการยกเลิกการออกนอกเคหสถาน หรือ เคอร์ฟิว โดยอนุญาตให้กิจการ และกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงกลับมาดำเนินการได้ ในการผ่อนปรนระยะ 4 ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายนว่า ที่ผ่านมา ตำรวจกับหน่วยร่วมปฏิบัติที่เกี่ยวข้องได้ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด และชุดเคลื่อนที่เร็ว ตั้งเเต่วันที่ 15 – 18 มิถุนายน กว่า 1,900 จุด ใช้กำลังพลมากกว่า 10,000 นาย ใช้ชุดเคลื่อนที่เร็วกว่า 2,000 ชุด กำลังพลมากกว่า 10,000 นาย

พบว่ามีผู้ฝ่าฝืนข้อกำหนด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ รวม 91 ราย ความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ 862 ราย ของกลางยาบ้ากว่า 800,000 เม็ด ไอซ์กว่า 800 กิโลกรัม ความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ 54 ราย อาวุธปืน 30 กระบอก ความผิด ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ 67 ราย ความผิดตาม พ.ร.บ.จราจร 306 ราย เมาเเล้วขับ 107 ราย เเข่งรถในทาง 38 ราย นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี ฝากขอบคุณ และให้กำลังใจตำรวจทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มกำลังความสามารถ ถือว่า ตำรวจเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันและระงับการเเพร่ระบาดของเชื้อโรค อีกทั้ง มีการจัดโครงการปันสุข จัดโครงการรับอาหารฟรีจากตำรวจ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

ทั้งนี้ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทสส. ในฐานะหัวหน้า (หน.ศปม.) และ พล.ต.อจักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับและสั่งการ วางเเนวให้ตำรวจทั่วประเทศยังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่องในการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอาชญากรรมที่เป็นการซ้ำเติมประชาชน พร้อมเพิ่มการตอบสนองในการแจ้งเหตุให้มากขึ้นตามช่องทางการแจ้งเหตุ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ไปถึงสถานที่เกิดเหตุได้อย่างรวดเร็ว โดยร่วมกับหน่วยร่วมปฏิบัติที่เกี่ยวข้องออกตรวจสอบกิจการกิจกรรมที่ได้รับการผ่อนคลาย ถึงเเม้จะมีการยกเลิกเคอร์ฟิวแล้ว แต่ยังคงมีข้อกำหนดอื่นที่จะต้องถือปฏิบัติเพื่อป้องกันเละลดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคให้การดำเนินการเป็นไปตามมาตรการป้องกันที่ทางราชการกำหนด

อย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบการกระทำความผิด สามารถแจ้งมาได้ที่หมายเลขสายด่วน 191, 1599, 1138 และแอปพลิเคชั่น Police lert ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK