“รถไฟฟ้าสายสีทอง” ขบวนแรกมาถึงประเทศไทยแล้ว พร้อมเปิดวิ่ง 3 สถานีฝั่งธนฯ เดือน ต.ค. นี้ เก็บค่าโดยสาร 15 บาทตลอดสาย
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (18 มิ.ย.) รถไฟฟ้าสายสีทอง รุ่น Bombardier Innovia APM 300 ขบวนแรกของประเทศไทย ได้เดินทางมาถึงท่าเทียบเรือ A2 ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นายมานิต เตชอภิโชค กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (KT) กล่าวว่า โครงการ รถไฟฟ้าสายสีทอง เป็นระบบขนส่งมวลชนขนาดรอง (Feeder) ที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้มอบหมายให้บริษัทเป็นผู้ดำเนินการ
ในเส้นทางเฟสที่ 1 มีจำนวน 3 สถานี ระยะทางรวม 1.80 กิโลเมตร เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนในพื้นที่ฝั่งธนบุรีที่มีการพัฒนาเป็นย่านเศรษฐกิจใหม่ที่มีศักยภาพ โดย 3 สถานีดังกล่าว ได้แก่
- สถานีกรุงธนบุรี (GN1)
- สถานีเจริญนคร (GN2)
- สถานีคลองสาน (GN3)
ปัจจุบันโครงการ รถไฟฟ้าสายสีทอง มีความก้าวหน้าในภาพรวม 89 % เฉพาะส่วนของการก่อสร้างงานโยธาคืบหน้า 94.42 % ส่วนงานระบบเดินรถคืบหน้า 81% เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้การนำเข้าอุปกรณ์จากต่างประเทศเกิดความล่าช้า แต่ขณะนี้สถานการณ์โรคระบาดเริ่มคลี่คลาย จึงสามารถเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่
“ยังคงเป้าหมายเดิมคือ เปิดในเดือนตุลาคมนี้ โดยอัตราค่าโดยสารตามที่ศึกษาไว้คือ จัดเก็บที่ 15 บาทตลอดสาย คาดการณ์ปริมาณผู้โดยสารในปีแรกที่เปิดให้บริการที่ 42,260 เที่ยว-คนต่อวัน” นายมานิตกล่าว
โครงการรถไฟฟ้าสายสีทองถือเป็น Feeder ที่ใช้รูปแบบรถที่มีขนาดกะทัดรัด โดยเลือกใช้รถไฟฟ้าระบบขนส่งมวลชนแบบนำทางอัตโนมัติ (Automated People Mover: APM) เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งมีความเหมาะสมกับพื้นที่และเป็น Feeder ที่มีประสิทธิภาพที่สามารถเชื่อมต่อการเดินทางของประชาชนในทุกโหมด
ไม่ว่าจะเป็นระบบรางสายหลักของรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยเชื่อมต่อกันที่สถานีกรุงธนบุรี ผู้โดยสารที่ใช้บัตรแรบบิทสามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าสายสีทองได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว นอกจากนี้รถไฟฟ้าสายสีทองยังเชื่อมต่อกับรถโดยสารประจำทาง (รถเมล์) ในพื้นที่ย่านคลองสาน รวมทั้งเชื่อมต่อการเดินทางในเส้นทางเดินเรือแม่น้ำเจ้าพระยา และในอนาคตยังเชื่อมต่อโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงหัวลำโพง-บางบอน-ราษฎร์บูรณะ และรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ อีกด้วย
ทั้งนี้ โครงการนี้ไม่มีการใช้งบประมาณจากทางราชการ เพราะเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชน ซึ่งเป็นประโยชน์แก่รัฐ มีลักษณะคล้ายกับการดำเนินการระบบขนส่งมวลชนบางเส้นทางในประเทศญี่ปุ่น
นายสุมิตร ศรีสันติธรรม ผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC กล่าวว่า BTSC ได้รับว่าจ้างในการจัดหาขบวนรถ รวมถึงการเดินรถ และซ่อมบำรุงเป็นระยะเวลา 30 ปี จาก KT
โดยรถไฟฟ้าที่รับมอบในครั้งนี้ เป็นรถไฟฟ้ารุ่น Bombardier Innovia APM 300 ผลิตที่เมืองอู่หู มณฑลอานฮุย สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเมื่อขบวนรถไฟฟ้าเดินทางมาถึงประเทศไทย บริษัทจะนำขบวนรถไฟฟ้าไปยังโรงจอดและศูนย์ซ่อมบำรุงที่สถานีกรุงธนบุรี
สำหรับรถไฟฟ้ารุ่นดังกล่าว มีความพิเศษคือ เป็นรถไฟฟ้ารูปแบบ APM โดยใช้รางนำทาง สามารถจุผู้โดยสาร 138 คนต่อตู้ และ1 ขบวนสามารถจุผู้โดยสาร 276 คนต่อขบวน รองรับผู้โดยสารได้ 4,200 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง
ขบวน รถไฟฟ้าสายสีทอง มีความกว้าง 2.8 เมตร ความยาว 12.75 เมตร ความสูง 3.5 เมตร ประตูมีความกว้าง 1.9 เมตร ความสูงของพื้นรถ 1.1 เมตร น้ำหนัก 16,300 กิโลกรัม ก่อให้เกิดเสียงรบกวนต่ำ ความเร็วการทำงานสูงสุดที่ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากเกิดเหตุฉุกเฉินระบบจะทำการหยุดรถอัตโนมัติ และมีรถมารับผู้โดยสารทันที
“ขณะนี้ขบวนรถไฟฟ้าที่บริษัทได้รับมอบแล้วจำนวน 1 ขบวน เหลืออีก 2 ขบวนที่จะทยอยเดินทางมาภายในเดือนสิงหาคม 2563 สำหรับขบวนรถที่ใช้ในระบบรถไฟฟ้าสายสีทองนั้นมีทั้งหมด 3 ขบวน ขบวนละ 2 ตู้ ใช้รับส่งผู้โดยสารจำนวน 2 ขบวน และสำรองไว้ในระบบ 1 ขบวน” นายสุมิตรกล่าว
สำหรับเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีทองถือเป็นรถไฟฟ้าสายสำคัญ โดยเส้นทางจะผ่านแหล่งท่องเที่ยวริมแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น ไอคอนสยาม, ล้ง 1919 เป็นต้น ซึ่งจะเพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวในการเดินทางเข้าสู่สถานที่สำคัญของ กทม. ได้ดียิ่งขึ้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เฮ! ‘รถไฟฟ้าสายสีทอง’ ขบวนแรกถึงไทย 10 มิ.ย. เตรียมวิ่งให้บริการเดือน ต.ค.
- อภิปรายไม่ไว้วางใจ วันที่ 2 ‘มท.1’ ลุกแจงปมรถไฟฟ้าสายสีทอง ยันไม่เอื้อนายทุน!
- พิษโควิด! ‘บีทีเอส’ นำเข้ารถไฟฟ้าสายสีทองไม่ได้ ‘แอร์พอร์ตลิงก์’ คนหาย 9%
