Business

‘ส.อ.ท.’ เผยดัชนีเชื่อมั่นฯ ขยับขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน

“ส.อ.ท.” เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เดือนพฤษภาคม 2563 ขยับขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน หลังผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในระยะที่ 1 และระยะที่ 2 พร้อมวอนภาครัฐเร่งเสริมสภาพคล่องเอกชน

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ในเดือนพฤษภาคม 2563 อยู่ที่ระดับ 78.4 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 75.9 ในเดือนเมษายน 2563 โดย ดัชนีเชื่อมั่นฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ตั้งแต่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากภาครัฐสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้และมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในระยะที่ 1 และระยะที่ 2

ดัชนีเชื่อมั่นฯ

รวมถึงการผ่อนคลายการห้ามออกนอกเคหะสถาน (เคอร์ฟิวส์) จากเดิมเวลา 22.00-04.00 น. เป็น 23.00-04.00 น.ส่งผลดีต่อการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ประกอบกับภาครัฐออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (ธปท.) ได้มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเหลือ 0.50% ต่อปี ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการลดลง

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ซึ่งกระทบต่อการค้าการลงทุนและการจ้างงาน ขณะที่ผู้ประกอบการขนาดย่อมประสบปัญหาขาดสภาพคล่องและการเข้าถึงสินเชื่อ นอกจากนี้ ปัญหาการแข็งค่าของเงินบาทมากกว่าประเทศคู่ค้า ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการส่งออก

จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,157 ราย ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรมทั่วประเทศในเดือนพฤษภาคม 2563 พบว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ ผู้ประกอบการ 71.2% มีความกังวลเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจโลกเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวเศรษฐกิจโลกที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19, สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ 47.7%, อัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ 43.4% และราคาน้ำมัน 32.5% ตามลำดับ ส่วนปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความกังวลลดลง คืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 17.6%

ดัชนีเชื่อมั่นฯ
สำหรับ ดัชนีเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 91.5 โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 88.8 ในเดือนเมษายน 2563 เนื่องจากผู้ประกอบการมองว่าการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ของภาครัฐในระยะต่อไปจะส่งผลดีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ ขณะที่หลายประเทศมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เช่นกัน ทำให้คำสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศกลับมาขยายตัว อย่างไรก็ตามค่าดัชนียังต่ำกว่าระดับ 100 สะท้อนว่าความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการยังไม่ดี

ข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ

1. เร่งผลักดันการใช้วงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) วงเงิน 5 แสนล้านบาท รวมทั้งให้ บสย.ช่วยค้ำประกันสินเชื่อเพิ่มเติมแก่ผู้ประกอบการ SMEs

2. ช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดย่อมให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น

3. ผลักดันให้ทุกหน่วยงานภาครัฐใช้ระบบ Online ในการออกใบอนุญาตและรับชำระค่าธรรมเนียม รวมทั้งบริการอื่นๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนเมษายน 2563 อยู่ที่ระดับ 75.9 ปรับตัวลดลง จากระดับ 88.0 ในเดือนมีนาคม 2563 โดยค่าดัชนีต่ำสุดในรอบ 11 ปี นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2552 โดยเป็นการปรับตัวลดลง ในทุกขนาดของอุตสาหกรรมทั้งขนาดย่อม ขนาดกลาง และขนาดใหญ่

ทั้งนี้ มีสาเหตุจาก ความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มาตรการล็อกดาวน์ เพื่อควบคุมโรคระบาดของภาครัฐ ส่งผลให้การใช้จ่าย และการบริโภคลดลงโดยเฉพาะสินค้าคงทน ขณะที่ผู้ประกอบการบางราย ชะลอการผลิต การลงทุน และลดการจ้างงาน อีกทั้ง ยังประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง เนื่องจากขาดเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)

จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,102 ราย ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรมทั่วประเทศ ในเดือนเมษายน 2563 พบว่า ผู้ประกอบการ 69.5% มีความกังวล เกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจโลกเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการ กังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่กระจายไป ทั่วโลกส่งผลให้คำสั่งซื้อต่างประเทศลดลง

ส่วนปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความกังวลลดลง ได้แก่ ความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ 44.9% อัตราแลกเปลี่ยน (บาทต่อดอลลาร์) ในมุมมองผู้ส่งออก 39.2% ราคาน้ำมัน 29.7% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 17.9% ตามลำดับ

สำหรับดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 88.8 โดยลดลงจาก 96.0 ในเดือนมีนาคม โดยค่าดัชนีต่ำที่สุด ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2552 เนื่องจากผู้ประกอบการ มีความกังวลต่อการประกอบกิจการในอนาคต ที่มีความไม่แน่นอนสูง จากปัญหาเศรษฐกิจโลก และเศรฐกิจในประเทศ ที่ชะลอตัวลงภายหลังจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีความรุนแรงขึ้นและขยายวงกว้างไปทั่วโลก และยังไม่แน่ชัดว่าวิกฤตโควิด-19 จะสิ้นสุดเมื่อใด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo