แสนสิริ ปรับเป้ายอดขายเพิ่ม จาก 29,000 ล้าน เป็น 35,000 ล้าน หลังยอดขายครึ่งปีแรกขึ้นแท่นอันดับ 1 แนวราบ ตั้งเป้า 3 ปี ยอดขายพุ่ง 1.2 แสนล้านบาท
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แสนสิริ ปรับเป้ายอดขาย เพิ่มจาก 29,000 ล้านบาท เป็น 35,000 ล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรก โครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมของแสนสิริ มียอดขายเป็นอันดับ 1 โดยปิดการขายไปถึง 13 โครงการ มูลค่ารวม 13,500 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังพบว่า ยอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยต่าง ๆ ทั้งแนวราบ และแนวสูง ยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุด บริษัทมียอดโอนแล้ว 18,200 ล้านบาท และความมั่นใจใน แบ็กล็อก ในมือที่จ่อคิวโอนแล้วอีก 16,200 ล้านบาท ดังนั้น จึงปรับเป้าหมายการโอนในปีนี้จากเดิม 33,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 39,000 ล้านบาท
“จากตัวเลขดังกล่าว หมายความว่า บริษัทมีเป้าหมายที่ต้องโอนเพิ่มอีกเพียง 4,600 ล้านบาทเท่านั้น และคาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นในการพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์แสนสิริ และตอกย้ำการ เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้านได้เป็นอย่างดี”นายอุทัยกล่าว
สำหรับแผนงานในครึ่งปีหลัง บริษัทจะยังคงเน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัย และสร้างไลฟ์สไตล์ที่ดี ควบคู่กัน โดยให้ความสำคัญกับปรับเปลี่ยนดีไซน์ ฟังก์ชั่น คุณภาพ และบริการ ขณะที่แผนการเปิดตัวโครงการใหม่ ยังมีความรัดกุม จากความพร้อมในการปรับเปลี่ยนตามทุกสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่อีก 12 โครงการ มูลค่ารวม 16,900 ล้านบาท แบ่งเป็น บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮมและมิกซ์โปรดักส์ 10 โครงการ มูลค่ารวม 14,300 ล้านบาท และ คอนโดมิเนียมอีก 2 โครงการ มูลค่ารวม 2,600 ล้านบาท
นายอุทัยกล่าวว่า ปัจจัยความสำเร็จ ที่จะทำให้ แสนสิริ บรรลุเป้าหมายยอดขาย 35,000 ล้านบาทในปีนี้ จะมาจากการโฟกัสโครงการแนวราบเป็น Strategic Flagship ควบคู่ไปกับการรักษายอดขายและยอดโอนโครงการคอนโดมีเนียม
ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทยังมีแผนโอนคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่ อีก 4 โครงการใหม่ ได้แก่ เดอะ เบส เซ็นทรัล ภูเก็ต, เดอะ เบส สะพานใหม่, XT เอกมัย และ La Habana หัวหิน เป็นต้น
แนวราบโตก้าวกระโดด
จากผลกระทบของโควิด – 19 ในครึ่งปีแรก นายอุทัย มองว่า สถานการณ์ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะแนวราบ จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยวิเคราะห์จากดีมานด์ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ และจากเทรนด์อยู่อาศัยที่คนไทยต้องการมีบ้าน 2 หลัง ทั้งคอนโดมิเนียมที่อยู่ในเมือง เพื่อการเดินทางทำงานที่สะดวก
ขณะเดียวกัน ยังเห็นความต้องการบ้านชานเมืองเพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนที่มีความปลอดภัยมากกว่า ยังรวมถึงการเปลี่ยนไปของพฤติกรรมการใช้ชีวิต ในรูปแบบ Work From Home ที่ทำให้ดีมานด์ของ บ้านแนวราบ เพิ่มสูงขึ้น จากการมองหาบ้านที่มีพื้นที่กว้างขึ้น เพื่อจะได้มีพื้นที่ส่วนตัวในการทำงานที่บ้าน
อีกแนวโน้มที่จะเกิดคือ กลุ่มลูกค้าบางกลุ่มเริ่มมองหาบ้านหลังใหญ่ ที่สามารถตอบสนอง มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ได้ หรือต้องการแยกครอบครัว ออกจากครอบครัวใหญ่ เพื่อจะได้มีพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น อีกทั้งพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ พบว่าเริ่มมองหาโครงการ บ้านแนวราบ บ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม เป็นบ้านหลังแรกเพิ่มขึ้น
ดีมานด์ต่างชาติกลับมาครึ่งปีหลัง
นอกจากนี้ แสนสิริมองว่า ดีมานด์ที่อยู่อาศัยในตลาดต่างชาติจะกลับมา โดยความสำเร็จในการสร้างยอดขายอันดับ 1 ในตลาดต่างชาติในช่วงที่ผ่านมา ทำให้มองเห็นดีมานด์ความต้องการ จากชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน ที่จะมองหาบ้านหลังที่สองในประเทศที่มีความปลอดภัยและมีระบบสาธารณสุขที่ดี
ที่สำคัญคือ การรับมือโควิด – 19 ที่ดีของประเทศไทย และยังเป็นประเทศฟื้นตัวจากโควิด-19 อันดับ 2 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย จาก 184 ประเทศทั่วโลก จากการจัดอันดับ Global COVID-19 Index ทำให้ต่างชาติ สนใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทย เพิ่มมากขึ้น
จากแนวโน้มดังกล่าว แสนสิริจึงวางเป้าหมาย เจาะกลุ่มตลาดต่างชาติ ที่ต้องการเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ (Leasehold) ในรูปแบบบ้านหรือทาวน์โฮมอย่างเต็มที่ พร้อมมองหาโอกาสและช่องทางการเจาะตลาดในรูปแบบอื่นๆ
ลุยเปิดแนวราบอีก 10 โครงการ
ล่าสุด แสนสิริได้เปิดตัว “Sansiri Housing Evolution” ที่มุ่งพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ให้ตอบโจทย์การอยู่อาศัยในทุกความต้องการทุกเซกเมนต์ โดยวางเป้ายอดขาย บ้านแนวราบ ในปีนี้ไว้ที่ 18,000 ล้านบาท ซึ่งจะผลักดันให้ยอดขายของแสนสิริ ก้าวสู่ 1.2 แสนล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 ปี ตามเป้าหมายที่วางไว้
ด้านนายอาณัติ กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการวางยุทธศาสตรฺ์ ให้โครงการแนวราบ เป็น Strategic Flagship ในการรุกตลาด จึงได้เตรียมเปิดโครงการแนวราบ อีก 10 โครงการ
ทั้งนี้ แบ่งเป็น โครงการบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์เศรษฐสิริ 2 โครงการ, บ้านเดี่ยวแบรนด์สราญสิริ 1 โครงการ ทาวน์โฮมและมิกซ์โปรดักส์ในเซกเมนต์ Medium และ Affordable ที่ได้รับการตอบรับสูง ในแบรนด์ อณาสิริ 4 โครงการ และสิริ เพลส 3 โครงการ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- จับตา 3 ตัวแปร ปั๊มชีพจร ‘อสังหาริมทรัพย์’ หลังโควิด-19 ‘ราคา’ ยังเป็นปัจจัยหลัก
- อสังหาฯ ‘ลดราคา’ ทั่วอาเซียน โอกาสทองลูกค้ายุคโควิด-19
- ‘แสนสิริ’ รับลูกค้าจีนหด หันซบคนไทย ผุด18 โครงการมูลค่า 24,000 ล้าน
