Business

‘อนุทิน’ ชง ศบค. พิจารณา ‘จับคู่เปิดบินระหว่างประเทศ-เปิดสนามบินภูเก็ต’

อนุทินชง ศบค. พิจารณา จับคู่เปิดบินระหว่างประเทศ-เปิดสนามบินภูเก็ตเดินหน้าระบบเศรษฐกิจ หลังไทยไร้ผู้ป่วยในประเทศมาแล้ว 17 วัน โดยระยะแรกตั้งเป้าให้ภาคธุรกิจเดินทางก่อน ภาคท่องเที่ยวค่อยตามมา

1152160

วันนี้ (12 มิ.ย. 63) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการเปิดการเดินทางประหว่างประเทศ ก่อนเข้าร่วมประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.

ในกรณีที่มีข้อเรียกร้องให้เปิดสนามบินภูเก็ตนั้น นายอนุทินกล่าวว่า ตนจะนำเสนอในที่ประชุม ศบค. ในวันนี้ เพราะมีผู้ประกอบการการท่องเที่ยว และหลายฝ่ายเรียกร้องมา ส่วนตัวคิดว่าควรจะต้องเปิดสนามบินภูเก็ตได้แล้ว เพราะขณะนี้สนามบินสุวรรณภูมิก็เปิดให้บริการแล้วเช่นกัน

เมื่อถามย้ำว่า ต้องการให้เปิดภายในเดือนนี้ หรือเริ่มในเดือนกรกฎาคม นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องการให้เปิดเร็วที่สุด เนื่องจากขณะนี้ไม่มีการติดเชื้อภายใน ประเทศมาเกือบ 2 สัปดาห์แล้ว อีกไม่กี่วันก็จะครบ 28 วัน ซึ่งเมื่อถึงเวลาดังกล่าวก็ถือว่ามีเหตุผลเพียงพอในการที่จะคลายล็อคต่างๆ

 

Travel Bubble

เมื่อถามว่าภาพรวมการเปิดการบินระหว่างประเทศ จะสามารถเริ่มได้ในเดือนกรกฎาคมนี้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ขอให้ใจเย็นๆ ขณะนี้มีความคิดที่จะให้มีการจับคู่เดินทางระหว่างประเทศ

โดยประเทศของเราก็จะไปดูประเทศที่มีมาตรฐานในการควบคุมโรคที่อยู่ระดับเดียวกัน หรือประเทศที่สามารถควบคุมการติดเชื้อได้ดี ลดการแพร่ระบาดไปได้มาก เป็นลักษณะทำความตกลงจับคู่กัน ประเทศทั้งสองฝ่ายจะต้องทำมาตรการในการคัดกรองผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศของตัวเอง ซึ่งวันเดียวกันนี้ตนจะเสนอรูปแบบดังกล่าวให้ที่ประชุม ศบค. และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีพิจารณา

เมื่อถามย้ำว่า จะเป็นลักษณะการเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวอย่างจำกัด (Travel Bubble) หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มีแนวคิดเช่นนั้น แต่ขอย้ำว่าไม่ใช่การเปิดเดินทางโดยเสรี เพราะทั้งสองประเทศต้องมานั่งหารือกันถึงมาตรการคัดกรองบุคคลที่จะเดินทางเข้ามายังประเทศ โดยเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ ได้เสนอเรื่องนี้เข้ามา และตอบรับแนวคิดดังกล่าวด้วยเช่นกัน จะนำเสนอให้ที่ประชุม ศบค. พิจารณา ถ้าที่ประชุมให้ความเห็นชอบเราก็จะเดินหน้าเปิดเจรจากับประเทศต่างๆ ต่อไป

เบื้องต้นอาจจะเริ่มต้นโดยให้ธุรกิจเข้ามาก่อน ส่วนนักท่องเที่ยวยังคงต้องรอขั้นตอนต่อไป ส่วนที่ยังพบผู้ติดเชื้อในสถานที่กักกันของรัฐนั้น ทั้งหมดก็เป็นคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ซึ่งเมื่อพบการติดเชื้อก็นำไปรักษาตัวทันที ไม่มีหลุดไปไหน

ประเทศไทยจะอยู่แบบนี้ต่อไปคงไม่ได้ ก็ต้องมีการปรับ ต้องทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ ธุรกิจต่างๆ ทำงานได้ ที่สำคัญที่สุดผู้ประกอบการและลูกจ้าง จึงต้องทำทุกอย่าง แม้อาจจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อบ้าง แต่ถ้าเรายังมีระบบการคัดกรองและระบบการรักษาที่ดีก็มั่นใจได้ว่า เรายังสามารถคุมสถานการณ์ได้ จึงต้องพยายามคืนสู่สภาพปกติให้ได้เร็วที่สุด” นายอนุทิน กล่าว

แพพ
ภาพ : เฟซบุ๊กเพจสำนักงานประชาสัมพันธ์ กทม.

ไม่มีวัคซีค ยังไม่วางใจ

สำหรับแนวคิดเรื่องการยกเลิกการประกาศห้ามประชาชนออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) เป็นเวลา 15 วันนั้น นายอนุทินกล่าวว่า ต้องรอให้ที่ประชุม ศบค. พิจารณาก่อน แต่แนวโน้มจะต้องดีขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนแนวโน้มที่ดีขึ้น จะถึงขั้นการยกเลิกประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องรอถาม นายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม มาตรการต่างๆ ที่เราทำมาล้วนเป็นการทำเพื่อลดการติดเชื้อภายในประเทศให้น้อยที่สุด โดยขณะนี้ประเทศไทยไม่มีการติดเชื้อภายในประเทศมา 17 วันแล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้ไปอีกนานได้เรื่อยๆ ก็ยิ่งดี

แต่ขอว่าตอนนี้อย่าพึ่งนำเรื่องนี้ไปโยงกับเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพราะทุกอย่างที่จะต้องมีการตัดสินใจ ศบค. ต้องมั่นใจว่า ประชาชนจะมีความปลอดภัยและประเทศไทยปลอดเชื้อ ถือเป็นเป้าหมายสำคัญในการตัดสินใจ

ผู้สื่อข่าวถามว่าสถานการณ์ขณะนี้ถือว่า ไว้วางใจได้แล้วหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ถือว่าสถานการณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ตราบใดที่ยังไม่มีวัคซีนออกมา เราทุกคนก็ยังต้องระมัดระวัง ทางที่ดีที่สุดทุกคนยังคงต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo