World News

‘สตาร์บัคส์’ ปิดถาวร 400 สาขา คาด ‘โควิด’ ทำรายได้หายกว่า 2,000 ล้านดอลล์

สตาร์บัคส์ เชนร้านกาแฟชั้นนำของสหรัฐ ประกาศปิดสาขา 400 แห่งในสหรัฐ เร็วขึ้นกว่าเดิม หลังคาดการณ์ว่า รายได้ในไตรมาส 2 อาจดิ่งลงสูงสุดถึง 2,200 ล้านดอลลาร์ ผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

star

เชนร้านกาแฟรายนี้ ระบุว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้บริษัทตัดสินใจที่จะเร่งดำเนินการปิดสาขา 400 แห่ง ที่วางแผนไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อที่จะสามารถไปเปิดร้านที่ให้บริการซื้อกลับบ้านได้เพียงอย่างเดียว ในย่านที่มีประชากรหนาแน่นได้มากขึ้น

ตามแผนการล่าสุดนี้ สตาร์บัคส์จะปิดสาขา 400 แห่งในสหรัฐอย่างถาวร ในช่วง 18 เดือนข้างหน้า แทนที่จะใช้เวลา 3-5 ปีอย่างที่เคยประกาศไว้ ในการเร่งดำเนินงานตามกลยุทธ์การปรับเปลี่ยนร้านสาขาของบริษัท และจะลดจำนวนการเปิดสาขาใหม่ สำหรับปีนี้ลงมาเกือบครึ่งหนึ่งเหลือเพียง 300 สาขาเท่านั้น

สตาร์บัคส์ คาดการณ์ด้วยว่า ในไตรมาส 3 ของปีงบการเงินปัจจุบัน ที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ บริษัทจะมีรายได้จากการดำเนินงานลดลงราว 2,000 – 2,200 ล้านดอลลาร์ และคาดว่ายอดขายในร้านเดียวกันที่สหรัฐ จะลดลงสูงสุดถึง 45% และอาจจะลดลงอย่างต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้  พร้อมประเมินว่า ยอดขายร้านเดียวกันในจีน จะลดลงราว 20-25%

ทั้งนี้ มากกว่า 60% ของร้านสตาร์บัคส์ ในสหรัฐ เป็นแบบไดรฟ์-ทรู ทำให้เป็นเรื่องง่ายขึ้น ที่บริษัทจะดำเนินการปรับเปลี่ยนการให้บริการที่มุ่งเน้นไปในด้านการซื้อกลับบ้าน

เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เควิน จอห์นสัน ซีอีโอสตาร์บัคส์ ยืนยันว่า ราว 80% ของการซื้อสินค้าในร้านเป็นการซื้อกลับบ้าน และสถานการณ์นี้ก็เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนที่จะเกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้ว

อย่างไรก็ดี สตาร์บัคส์ คาดการณ์ว่า รายได้ของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาส 4 ของปีงบการเงินปัจจุบัน โดยในจดหมายที่ส่งถึงนักลงทุนนั้น ซีอีโอเควิน และ แพท กริสเมอร์ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่คณะการเงิน (ซีเอฟโอ) ของสตาร์บัคส์ ระบุว่า ในแต่ละสัปดาห์ที่ผ่านมาไป มองเห็นพยานหลักฐานถึงการฟื้นตัวของธุรกิจชัดเจนมากขึ้น และแต่ละร้านก็มีสถานการณ์ที่ดีขึ้นตามลำดับ

“แบรนด์สตาร์บัคส์ มีความยืดหยุ่นสูง ความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ก็แข็งแกร่ง เราเชื่อมั่นว่า ช่วงเวลายากลำบากที่สุดได้ผ่านพ้นเราไปแล้ว”

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo