Telecommunications

กสทช. เปิด 4 แพคเกจ จัดสรรสิทธิใช้วงโคจรดาวเทียม จากสัมปทานเป็นใบอนุญาต

วงโคจรดาวเทียม เปลี่ยนรูปแบบจากระบบสัมปทาน สู่การให้ใบอนุญาต กสทช. เผย 4 แพคเกจ คัดเลือกผู้ได้รับอนุญาตใช้สิทธิวงโคจรดาวเทียม

พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานจัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้มีการใช้สิทธิ์ในการเข้าใช้ วงโคจรดาวเทียม ในการจัดชุด (Package) กล่าวว่า สำนักงาน กสทช. ได้จัดประชุมเฉพาะกลุ่ม (Focus Group) ต่อ (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตการใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมในลักษณะจัดชุด (Package)

จัดสรรใช้สิทธิ วงโครจรดาวเทียม

ทั้งนี่ได้เชิญหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับกิจการดาวเทียมมาทำความเข้าใจและรับฟังความเห็น โดยมีเป้าหมายที่จะให้เกิดการคัดเลือกผู้ได้รับอนุญาตใช้สิทธิวงโคจรดาวเทียมอย่างเสรีและเป็นธรรมครั้งแรกของประเทศไทยในปลายปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560

ก่อนหน้านี้ กสทช.ได้อนุมัติแผนการบริหารสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม และ หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 จากนั้นจึงได้นำสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมหรือที่เรียกว่า เอกสารข่ายงานดาวเทียม (Satellite Network Filing) ทั้งหมดที่ประเทศไทยมีอยู่อันเป็นสมบัติของชาติตามที่แผนบริหารสิทธิฯ กำหนด มาจัดเป็นชุด (Package) ตามวงโคจร (Slot) ทั้งหมด 4 ชุด เพื่อนำมาจัดสรร

พร้อมกันนี้ สำนักงานกสทช. ยังได้เสนอแนวทางการคัดเลือก โดยใช้วิธีการประมูล (Auction) หรือวิธีคัดเลือก (Beauty Contest) หรือวิธีอื่นใด เนื่องจากการจัดสรรสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมกฎหมายไม่ได้บังคับไว้ว่าจะต้องประมูลเพียงวิธีเดียว รวมถึงการเสนอแนวทางประเมินมูลค่า และการคิดค่าธรรมเนียมของแต่ละชุด และเงื่อนไขอื่นๆ ที่สามารถใช้เป็นเกณฑ์พิจารณาเลือกผู้ชนะในแต่ละชุด ให้สามารถสร้างดาวเทียมไทยตามข่ายงานที่กำหนดได้

จัดสรร วงโคจรดาวเทียม
พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ

การนำสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมมาประมูลตามที่สำนักงาน กสทช. เสนอครั้งนี้ หากเปรียบเทียบกับการประมูลคลื่นความถี่ ก็เปรียบเสมือนการประมูลแบบ Multiband หรือการประมูลแบบหลายคลื่นความถี่พร้อมกัน โดยตามแผนที่วางไว้สำนักงาน กสทช. ตั้งเป้าที่จะจัดการประมูลสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมภายในปลายปีนี้

สำหรับสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมที่นำมาจัดสรร ได้จัดแบ่งโดยยึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ โดยเบื้องต้นจัดแบ่งเป็น 4 ชุด (หรือ 4 Package) ดังนี้

ชุดที่ 1 ประกอบด้วย วงโคจร 50.5E (ข่ายงาน C1 และ N1) และ วงโคจร 51E (ข่ายงาน 51)

ชุดที่ 2 ประกอบด้วย วงโคจร 78.5E (ข่ายงาน A2B และ LSX2R)

ชุดที่ 3 ประกอบด้วย วงโคจร 119.5E (ข่ายงาน IP1, P3 และ LSX3R) และ วงโคจร 120E (ข่ายงาน G2K และ 120E)

ชุดที่ 4 ประกอบด้วย วงโคจร 126E (ข่ายงาน 126E) และ วงโคจร 142E (ข่ายงาน G3K และ N5)

ดาวเทียม

สำหรับ ข่ายงาน หรือ Network Filing ทั้งหมดเป็นข่ายงานที่ไม่อยู่ภายใต้สัญญาสัมปทาน ยกเว้น A2B ซึ่งอยู่ภายใต้ดาวเทียมไทยคม 5 ซึ่งหมดอายุก่อนหมดสัญญาสัมปทานในวันที่ 11 กันยายน 2564 และ IP1 ของ ไทยคม 4 ซึ่งจะมีอายุทางวิศวกรรมถึงปี 2566 ที่ถือว่าเป็นการจัดสรรล่วงหน้าในลักษณะหลายชุดพร้อมกัน เนื่องจากการสร้างดาวเทียมต้องวางแผนล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 ปี

ในส่วนของความคิดเห็นต่างๆ ที่สำนักงาน กสทช. ได้รับฟัง ส่วนใหญ่ผู้ประกอบการรายเดิม ยังมีความกังวลกับข่ายงานที่มีความใกล้เคียงหรือทับซ้อนกับข่ายงานที่อยู่ภายใต้สัญญาสัมปทานหรือที่ดาวเทียมไทยคมใช้งานอยู่ แม้ว่าจะไม่นำมาจัดสรรในครั้งนี้ก็ตาม

พร้อมกันนี้ ยังมีข้อเสนอจากผู้ประกอบการ ให้แยกชุดแต่ละชุดตามวงโคจรเลย ขณะที่ผู้ประกอบการรายใหม่เห็นด้วยกับแนวทางการจัดชุด ยกเว้นชุดที่ 4 ที่อาจจะแยกเป็น 2 ชุดได้ เนื่องจากมีวงโคจรที่ห่างกัน แต่มีข้อกังวลเกี่ยวกับการประสานงานและการใช้คลื่นความถี่ที่ไปทับซ้อนกับดาวเทียมไทยคม ซึ่งอาจทำให้ไม่สามารถใช้งานได้จริง

“แต่ทั้งผู้ประกอบการรายเก่าและรายใหม่ไม่เห็นด้วยกับการคัดเลือกโดยวิธีประมูล ควรจะใช้วิธีอื่นจะทำให้กิจการดาวเทียมไทยสามารถแข่งขันกับนานาชาติได้”พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ กล่าว

พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเปลี่ยนจากระบบสัมปทานวงโคจรดาวเทียม มาสู่ระบบใบอนุญาตอย่างเป็นรูปธรรม จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับกิจการดาวเทียมไทย และเป็นการแก้ไขปัญหาการเกิดสุญญากาศของดาวเทียมไทยนับตั้งแต่ปี 2559 หลังดาวเทียมไทยคม 8 ที่ทั้งผู้ประกอบการรายเดิมและรายใหม่ไม่สามารถสร้างและนำดาวเทียมไทยขึ้นสู่วงโคจรได้

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo