COVID-19

ข่าวดี!! พฤติกรรมคนไทย ป้องกันโควิดเพิ่มขึ้น หลังคลายล็อกดาวน์

พฤติกรรมคนไทย ป้องกันโควิด เพิ่มมากขึ้น ทั้งใส่หน้ากาก ล้างมือ กินร้อนช้อนตัวเอง ออกนอกจังหวัดลดลง หลังรัฐบาลผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์มากขึ้น

กระทรวงสาธารณสุข โดย สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP) ร่วมกับองค์การอนามัยโลก สำนักงานภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสำนักงานสถิติแห่งชาติ เผยแพร่ผลสำรวจ “การป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลังผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์” จากประชาชน 25,623 คน ระหว่างวันที่ 22-28 พฤษภาคม 2563 พบว่า พฤติกรรมคนไทย ป้องกันโควิด เพิ่มมากขึ้น

พฤติกรรมคนไทย ป้องกันโควิด

ทั้งนี้ จากการสำรวจพบว่า คนไทยมีการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ดีขึ้น เมื่อเทียบกับผลสำรวจหลังผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์สัปดาห์ที่ 2 ระหว่างวันที่ 15-21 พฤษภาคม 2563 โดยสรุปผลได้ดังนี้

พฤติกรรมคนไทย ป้องกันโควิด โดยมาตรการที่ประชาชนปฏิบัติมากที่สุด พบว่า

อันดับ 1 การสวมหน้ากากปิดปาก-จมูก อยู่ที่ร้อยละ 91.5 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 87.2

อันดับ 2 การล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ อยู่ที่ร้อยละ 83.2 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 79.8

อันดับ 3 การกินอาหารร้อนและใช้ช้อนกลางของตนเอง ร้อยละ 82.7 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 79.7

พฤติกรรมคนไทย ป้องกันโควิด ระหว่างผ่อนปรน

ส่วนมาตรการที่แม้จะปฏิบัติกันมากขึ้นแต่ยังถือว่าน้อย ประกอบด้วย

การเว้นระยะห่างไม่น้อยกว่า 2 เมตร โดยอยู่ที่ร้อยละ 65.2 เพิ่มขึ้นจากจากร้อยละ 58.7

การระวังไม่เอามือจับหน้า จมูก ปาก อยู่ที่ร้อยละ 56.9 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 53.7

ทั้งนี้ เหตุผลที่การสำรวจช่วงวันที่ 15-21 พฤษภาคม 2563 ประชาชนคลายพฤติกรรมการป้องกันตัวเองลง กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 57.4 ระบุว่า เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง ควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีขึ้น รองลงมา ร้อยละ 36.6 ตอบว่า รู้สึกว่าตัวเองมีความเสี่ยงในการติดเชื้อต่ำ และอันดับ 3 ร้อยละ 28.4 ให้เหตุผลว่ากิจวัตรประจำวันไม่เอื้ออำนวย

กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ยังต้องออกไปทำงานนอกบ้าน โดยร้อยละ 55.3 ระบุว่า ไม่สามารถทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) ได้ ขณะที่ร้อยละ 29.6 ทำงานจากบ้านได้เป็นบางวันหรือบางสัปดาห์ มีเพียงร้อยละ 15.1 ที่สามารถทำงานจากที่บ้านได้ทุกวัน

นอกจากนี้ยังพบว่า ประชาชนร้อยละ 66 ระบุว่า ไม่ได้อยู่บ้านตลอดเวลา ขณะที่ภาพรวมการเดินทางออกนอกจังหวัดมีแนวโน้มลดลงจากร้อยละ 28.5 ในช่วงวันที่ 15-21 พฤษภาคม 2563 เป็นร้อยละ 23.6 ในการสำรวจล่าสุดวันที่ 22-28 พฤษภาคม 2563 เนื่องจากต้องไปทำงาน ร้อยละ 48.6 และอีกร้อยละ 27.7 เดินทางออกนอกจังหวัดเพราะมีธุระจำเป็น

โพล

ผู้ตอบแบบสอบถามยังมองว่า ควรให้เดินทางออกนอกจังหวัดได้อย่างอิสระ ยกเว้นจังหวัด/พื้นที่ที่ยังมีการติดเชื้อสูง ร้อยละ 30.8 ขณะที่ ร้อยละ 27.7 อยากให้เดินทางได้อย่างอิสระ โดยมีการลงทะเบียนติดตามตัว, ร้อยละ 19.8 มองว่าควรเดินทางได้อย่างอิสระ ยกเว้นจังหวัด/พื้นที่ที่ยังมีการติดเชื้อสูง โดยมีการลงทะเบียนติดตามตัว และร้อยละ 16.5 ยังอยากให้งด หรือชะลอการเดินทางระหว่างจังหวัด

ส่วนการเดินทางเข้าประเทศ กลุ่มผู้ตอบแบบสอบถาม

ร้อยละ 60.3 มองว่า คนไทยควรให้เดินทางเข้าประเทศได้ แต่คัดกรองและกักกัน 14 วัน ใน State Quarantine

ร้อยละ 28.4 มองว่าไม่ควรอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศ

ร้อยละ 10.6 คิดว่าให้เดินทางเข้าประเทศได้ แต่คัดกรองและกักกัน 14 วัน ที่บ้านหรือที่พักอาศัย

สำหรับการเดินทางของชาวต่างชาตินั้น ผู้ตอบแบบสอบถาม ร้อยละ 63.3 มองว่าไม่ควรอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศไทย ขณะที่ ร้อยละ 30.9 มองว่าให้เดินทางเข้าประเทศได้ แต่คัดกรองและกักกัน 14 วัน ใน State Quarantine

ผ่อนคลาย

อย่างไรก็ตาม มุมมองถึงการเปิดกิจการ/กิจกรรมที่จำเป็น เช่น ศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียน มหาวิทยาลัย กลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามยังมีความคิดเห็นที่แตกต่าง ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน คือ ควรให้ทำได้มากขึ้น ร้อยละ 31.9, ควรให้ทำได้เท่าปัจจุบัน (22-28 พฤษภาคม 2563) ร้อยละ 34.9 และควรกลับไปทำเหมือนเดือน เมษายน 2563 ร้อยละ 33.1

ขณะที่กิจการ/กิจกรรมอื่นๆ เช่น โรงภาพยนตร์ นวดแผนโบราณ งานสังคม ผู้ตอบแบบสอบถามมีความเห็นว่า ควรกลับไปทำเหมือนเดือน เมษายน 2563 มากที่สุด ร้อยละ 40.2% รองลงมาคือ ควรให้ทำได้เท่าปัจจุบัน (22-28 พฤษภาคม 2563) ร้อยละ 35.8 และควรให้ทำได้มากขึ้นอีกร้อยละ 24.0

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo