Politics

‘วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์’ กรณี ‘เชือดไก่ให้ลิงดู’ ฝีมือผู้มีอำนาจ

‘วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์’ ถูกอุ้มหายในกัมพูชา เป็นกรณีที่กลุ่มผู้ลี้ภัยการเมืองในต่างแดนมองว่า เป็นการ “เชือดไก่ให้ลิงดู” ของผู้มีอำนาจในประเทศ

จากกรณี ‘วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์’ หรือ ต้าร์  อายุ 37 ปี ผู้ลี้ภัยทางการเมืองชาวไทย ที่พักอาศัยอยู่ใน กัมพูชา หายตัวไปจากหน้าคอนโด กลางกรุงพนมเปญ โดยมีคำพูดสุดท้ายที่ทิ้งไว้ให้พี่สาวได้ยินว่า “หายใจไม่ออก” นั้น

'วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์'

บีบีซี รายงานอ้างความเห็นของบรรดาผู้ลี้ภัยในต่างประเทศว่า การลักพาตัวครั้งนี้ เป็นเหมือนการ “ส่งสัญญาณ”  ให้ผู้ลี้ภัยทางการเมืองรายอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่ล้วนถูกกล่าวหาว่าละเมิดเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ต้องระวังตัวเองมากขึ้น

“นี่คือการเชือดไก่ให้ลิงดู…พวกเราผู้ลี้ภัยต้องระวังตัวให้มากขึ้น พวกเราได้แต่ภาวนาว่า ต้าร์จะไม่ถูกฆ่าเป็นรายต่อไป” ผู้ลี้ภัยการเมืองในยุโรปคนหนึ่งกล่าว

เกิดอะไรขึ้นกับ วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์

เว็บไซต์ประชาไทรายงานเมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา อ้างแหล่งข่าว ที่ในเวลาต่อมาปรากฎว่าเป็นพี่สาวของวันเฉลิมว่า นักเคลื่อนไหวทางการเมืองรายนี้ ถูกอุ้มหายตัวไปจากหน้าคอนโดมิเนียมที่พักอาศัย ในกรุงพนมเปญ ขณะเดินลงมาซื้ออาหาร แม้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพยายามเข้าไปช่วย แต่กลุ่มคนที่มาอุ้มมีอาวุธปืนด้วย

พี่สาวของวันเฉลิม บอกว่า ขณะเกิดเหตุกำลังคุยกับน้องชายอยู่ และเสียงสุดท้ายที่ได้ยินจากวันเฉลิมผ่านโทรศัพท์คือ “โอ๊ย หายใจไม่ออก” ก่อนสายจะตัดไป แต่ในขณะนั้นเขาเข้าใจว่าเกิดอุบัติเหตุ และวันเฉลิมบาดเจ็บ จึงพยายามโทรกลับไปถามอีกประมาณครึ่งชั่วโมง รวมทั้งติดต่อเพื่อนของวันเฉลิมให้ช่วยตรวจสอบที่คอนโด จึงทราบว่าวันเฉลิมหายไป

เว็บไซต์ประชาไท ได้แสดงภาพจากกล้องวงจรปิด เห็นรถเอสยูวีสีดำติดฟิล์มทึบคัน ที่เชื่อว่ามีวันเฉลิมอยู่ ขับออกจากคอนโดไป

ขณะที่ ผู้ลี้ภัยในต่างแดนหลายรายบอกว่า หลังข่าวนี้เผยแพร่ออกไป พวกเขาได้พยายามติดต่อกับวันเฉลิม ผ่านทางแอปพลิเคชันสนทนา แต่ไม่สามารถติดต่อได้

“พนมเปญไม่ใช่ที่ซ่อน ที่ปลอดภัยแล้ว ผู้ลี้ภัยชาวไทยส่วนใหญ่ ย้ายไปประเทศอื่นแล้ว ประเทศส่วนใหญ่ในอาเซียนตอนนี้ ก็ล้วนไม่ปลอดภัย สำหรับผู้ลี้ภัยคนไทย เพราะ ผู้นำอำนาจนิยมทั้งหลาย ต่างผูกมิตร ช่วยเหลือกันหมด” ” ผู้ลี้ภัยทางการเมืองคนหนึ่ง ที่เคยพักอยู่ในกัมพูชากล่าว ระบุ

วันเฉลิมคือใคร

วันเฉลิม แนะนำตัวเองบนเพจเฟซบุ๊ก Wanchalearm Satsaksit ว่า เขาต้องกลายมาเป็นผู้ลี้ภัย เพราะต้องการส่งเสริมประชาธิปไตย และขณะนี้ได้เริ่มทำธุรกิจ และออกสำรวจโลก ทั้งยังบอกว่า เขาเคยทำงานองค์กรพัฒนาเอกชนกับเยาวชนด้านเอชไอวี/เอดส์มาก่อน

ชื่อของวันเฉลิม เป็นที่รู้จักมากขึ้น หลังเกิดรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 โดยเขามีชื่ออยู่ในกลุ่มบุคคล ที่ถูกเรียกให้ไปรายงานตัวในวันที่ 8 มิถุนายน 2557 ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในขณะนั้น แต่เขาไม่ไป จึงถูกออกหมายจับ ในข้อหาฝ่าฝืนไม่มารายงานตัวตามคำสั่ง คสช.

wannn

ต่อมาในเดือนมิถุนายน 2558  สำนักข่าวอิศรา นำข้อมูลผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและประเทศที่คาดว่าใช้หลบหนีจาก หน่วยงานความมั่นคงที่คอยติดตามความเคลื่อนไหวองผู้ต้องหา โดยระบุว่าวันเฉลิมคือ 1 ใน 14 ผู้ต้องหาที่หลบหนีอยู่ในลาว

จากนั้นในวันที่ 25 มิถุนายน 2561 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวในขณะนั้น แถลงที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ว่า จากการตรวจสอบเพจเฟซบุ๊ก “กูต้องได้ 100 ล้าน จากทักษิณแน่ๆ” ได้ลงทะเบียนใช้ในชื่อบัญชี Wanchalearm Satsaksit หรือ วันเฉลิม ที่ในขณะนั้นอายุ 35 ปี

การสืบสวนพบว่า หลบหนีไปอยู่กัมพูชา โดยศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาในความผิดฐาน “นำสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย ต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน” ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

จนถึงขณะนี้ ยังไม่แน่ชัดว่า วันเฉลิมพักอยู่ที่ลาวจริงไหม หรือย้ายจากลาวไปอยู่กัมพูชาเมื่อไร แต่เพื่อนผู้ลี้ภัยบอกว่า เขาใช้ชีวิตอยู่ในกัมพูชามาราว 6 ปี และเลือกไม่ขอลี้ภัยไปอยู่ ในประเทศประชาธิปไตยอื่นในยุโรป สหรัฐ หรือ ญี่ปุ่น เพราะเขาเลือกทำธุรกิจด้านการเกษตรกรรม ในกัมพูชา

ตำรวจไทย-กัมพูชา ไม่รู้เรื่อง

หลังจากที่เป็นข่าว  พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า หลังนายวันเฉลิมถูกออกหมายจับเมื่อปี 2561 ทางการไทยได้ใช้ช่องทางตำรวจสากลประสานงานไปตามปกติ ความร่วมมือทางคดีอาญา เรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน และการโอนตัวนักโทษกลับมา ซึ่งเป็นการประสานไว้นานแล้วตั้งแต่ทราบว่ามีการหลบหนี

ส่วนเหตุลักพาตัวนั้นไม่ทราบรายละเอียดแต่อย่างใด  จะเป็นการดำเนินการของเจ้าหน้าที่กัมพูชา ตามหมายจับหรือไม่นั้น ยังไม่ทราบ และยังไม่มีการยืนยันมาจากทางกัมพูชา

'วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์'

ด้านโฆษกของตำรวจกัมพูชา ให้สัมภาษณ์ว่า ทางการกัมพูชาไม่ได้คุมตัวหรือจับตัวนักกิจกรรมคนดังกล่าว และในขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอให้ตำรวจเปิดการสอบสวนเรื่องนี้

พลตำรวจ ฉาย กิม เขื่อน บอกว่า ไม่มีการลักพาตัวเกิดขึ้น และไม่มีความจำเป็นที่ตำรวจต้องสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้

“ตั้งแต่เช้ามา ผมรับโทรศัพท์ไปแล้วเกือบ 50 สายสอบถามเรื่องนี้ และตอบกลับไปเหมือนกันหมดว่า เป็นข่าวปลอม ไม่เป็นความจริง ”

ที่มา :  BBC

Avatar photo