Travel Bubble ได้รับการพูดถึง และเริ่มนำมาใช้มากขึ้น เพราะท่ามกลางความมืดมิดของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ดูเหมือนว่าวิธีนี้จะเป็นแสงสว่างสร้างทางรอดได้
Travel Bubble เป็นคำที่ต้องมาทำความเข้าใจกันก่อน อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ในสถานการณ์โควิดก็คือ การเปิดท่องเที่ยวระหว่างกันเฉพาะประเทศที่เจรจาตกลงเปิดการท่องเที่ยวร่วมกัน จะเป็นการจับคู่สองประเทศ หรือเป็นกลุ่มประเทศ ก็สามารถทำได้ ขึ้นอยู่กับการตกลงร่วมกัน ภายใต้หลักการและเงื่อนไขเดียวกัน
หลักการสำคัญ คือ การจับคู่เปิดการท่องเที่ยวระหว่างกัน กับประเทศที่มั่นใจได้ว่า ไม่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในระดับที่วางใจได้ และเชื่อมั่นได้ในมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด จึงงดเว้นไม่ต้องกักตัว 14 วัน โดยต้องมีใบรับรองผลตรวจโควิด-19 ว่าไม่มีการติดเชื้อมายืนยันก่อนเข้าประเทศ
สาเหตุที่ทำให้ ทราเวล บับเบิล จะเป็นทางรอดสำคัญของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จึงเป็นเพราะสามารถสร้างความ “มั่นใจ” ในการเดินทางของนักท่องเที่ยวได้ว่าการเดินทางไปประเทศที่ทำข้อตกลงร่วมกัน จะมีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง และทำให้กล้าวางแผนเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น ซึ่งผลที่ได้คือ เกิดการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกัน ซึ่งจะช่วยกู้สถานการณ์ของธุรกิจท่องเที่ยวขึ้นมาได้ระดับหนึ่ง
จากเหตุผลนี้เอง ทำให้หลายประเทศที่มั่นใจว่า มีความปลอดภัยต่อนักท่องเที่ยว และคนในประเทศ เริ่มมองหาประเทศพันธมิตรที่ปลอดภัยเหมือนกัน มีมาตรการควบคุมโรคที่ดีเหมือนกัน เพื่อจับคู่ระหว่างกัน โดยถึงขณะนี้ มีหลายประเทศที่เริ่มทำแล้ว ตัวอย่างเช่น
- นิวซีแลนด์ และ ออสเตรเลีย
- ญี่ปุ่น เตรียมจับคู่เดินทางกับ ไทย นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และ เวียดนาม
- สิงคโปร์ เริ่มจับคู่เดินทางกับ ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ และกำลังเจรจาในลักษณะนี้กับ เกาหลีใต้ มาเลเซีย
- ประเทศในกลุ่มทะเลบอลติก ได้แก่ เอสโตเนีย แลตเวีย และลิทัวเนีย
- ประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวีย ได้แก่ เดนมาร์ก เยอรมนี นอร์เวย์ ฟินแลนด์ ยกเว้นสวีเดนที่ยังมีสถานการณ์แพร่ระบาดต่อเนื่อง
- แคนาดา สิงคโปร์ ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน เวียดนาม และเกาหลีใต้
- จีน จับคู่เดินทางกับ เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง มาเก๊า
- จีน และ สิงคโปร์ เริ่มต้นกับกลุ่มธุรกิจ 6 เมืองในจีน คือ เซี่ยงไฮ้ เทียนจิน ฉงชิ่ง กว่างตง เจียงซู และเจ้อเจียง โดยขณะนี้จีนอนุญาตให้เที่ยวบินจากสิงคโปร์ลงจอดใน เซี่ยงไฮ้ กวางโจว ฉ่งชิ่ง ได้แล้ว
- สิงคโปร์ ออสเตรเลีย แคนาดา และนิวซีแลนด์
- สาธารณรัฐเชค ออสเตรีย สโลวาเกีย โครเอเชีย
- เยอรมนี ฝรั่งเศส ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์
- กลุ่ม 29 ประเทศ ได้แก่ อัลบาเนีย ออสเตรเลีย ออสเตรีย มาซิโดเนียเหนือ บัลกาเรีย เยอรมนี เดนมาร์ก สวิตเซอร์แลนด์ เอสโทเนีย ญี่ปุ่น อิสราเอล จีนโครเอเชีย ไซปรัส แลตเวีย เลบานอน นิวซีแลนด์ ลิทัวเนีย มอลตา มอนเตเนโกร นอร์เวย เกาหลีใต้ ฮังการี โรมาเนีย เซอร์เบีย สโลวาเกีย สโลวีเนีย สาธารณรัฐเชค และ ฟินแลนด์
สำหรับประเทศไทยนั้น เริ่มมีข่าวดีเช่นกัน เมื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการตรง ให้กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมความพร้อมการเจรจากับประเทศที่สามารถจัดการสถานการณ์โควิด-19 ได้ดียอดเยี่ยม และมีความพร้อมในการเปิดประเทศเพื่อจับคู่เดินทาง เพื่อพลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
นอกจากนี้ การที่ไทยเป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ ว่าสามารถจัดการกับสถานการณ์โควิด-19 ได้ยอดเยี่ยมในประดับโลก ทำให้เป็นการง่ายขึ้นที่ไทยจะได้รับการคัดเลือกจากประเทศอื่นในจับคู่ด้วย แต่สิ่งสำคัญคือ ไทยเองต้องเลือกจับคู่กับประเทศที่มั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัยเช่นกัน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดรอบใหม่
จากทั้งหมดทั้งมวลนี้ จึงทำให้ Travel Bubble เข้ามาเป็นทางเลือกทางรอดที่สำคัญ ในการฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก และทั้งในภาวะที่โควิดยังคงอยู่ ไปจนถึงแม้จะโควิดคลี่คลายไปแล้วก็ตาม นั่นเพราะ “ความปลอดภัย” และ “ความมั่นใจ” คือหัวใจที่นักท่องเที่ยวไม่ว่าประเทศไหนก็ให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ไทยเอาด้วย ‘Travel Bubble’ เตรียมจับคู่เปิดท่องเที่ยวประเทศปลอดโควิด
- ‘อุตสาหกรรมท่องเที่ยว’ หลังโควิด ความท้าทายอาชีพ ‘ไกด์’
- เปิด 5 Wish List นักเดินทางชาวไทย อยากไปเยือนหลัง ‘คลายล็อกดาวน์’
